วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"The XXX Project แรง ยั่ว มั่ว เซ็กส์ : เซ็กซ์....KyuMin By Clair"


เซ็กส์ feat. KyuMin 


ซองมินที่ถูกรวบตัวเข้าไปกอดแน่น เชิดหน้าขึ้นสูงในจังหวะที่เลือดลมสูบฉีด  แก่นกายหวานพ่นหยาดน้ำขาวขุ่นออกมาเป็นระลอกตามจังหวะที่สูดลมหายใจจนหมดเกลี้ยง...ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือขึ้นมองก่อนจะชะงักไปนิดเมื่อทั้งผู้ชายตัวสูงคนนั้นและดงแฮเพื่อนรักของเขาราวกับหายไปเฉยๆ แต่ประสาทหูที่ยังอื้ออึงจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ยังได้ยินเสียงปึงปังโครมครามแว่วๆดังห่างออกไป ร่างกายที่หอบสั่นทั้งจากพิษเซ็กส์ที่เพิ่งปลดปล่อยและฤทธิ์ยาที่ยังเหลืออยู่ เหมือนในช่องท้องมีลมพายุหมุนจนซองมินสับสนไปหมด
...สิ้นคำพูดชวนขึ้นเตียงง่ายๆของร่างสูงที่ซ้อนตัวอยู่ข้างหลัง ใบหน้าสวยที่หอบแฮ่กของซองมินหยุดชะงักทั้งๆที่ร่างทั้งร่างยังหอบสั่น ฝ่ามือเล็กผละออกมากำเบาะโซฟาแน่น ไหล่เล็กลู่ลงขืนตัวเองออกจากอ้อมกอดแน่นของคยูฮยอน เรียวปากอิ่มเผยรอยยิ้มมุมปากน้อยๆที่ยากจะบอกความหมาย เสียงครางสั่นสะท้านที่ค่อยๆผ่อนลงๆจนกลายเป็นเสียงหัวเราะขื่นๆเจือจาง...ไอ้น้ำเสียงที่ซองมินเผลอคิดไปว่ามันเจือปนความรู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อครู่นั้นเขาคงคิดไปเอง ในเมื่อตอนนี้น้ำเสียงปีศาจนั่นมันยังเอ่ยชวนเขาขึ้นเตียงอยู่เต็มหู...
...นายมันโง่เง่าที่สุด...ซองมิน...
“ฮึ...ฮึก...” ซองมินสะอื้นฮัก ปลายนิ้วเล็กยกขึ้นปาดที่แก้มนวล น้ำตาที่มันไม่ได้ไหลเพราะถูกล่วงเกิน แต่เพราะเจ็บใจตัวเอง เขาเผลอคิดไปได้ยังไงว่าไอ้ปีศาจตนนี้มันจะทำดีกับเขา เรื่องราวในคืนนั้นที่มันยังคงหลอกหลอนซองมินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน...
เจ็บไม่จำ...หรือไง...
...หากแต่ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังเอ่ยโทษความคิดของตนเอง ร่างของชายหนุ่มผู้กระซิบเสียงเบาเชิญชวนไปบนเตียงนั้นกลับไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นเลย...แม้แต่นิดเดียว...
            “...บันนี่...ผม” คยูฮยอนเอ่ยเสียงเบา ฝ่ามือสากที่โอบรัดร่างคนตัวเล็กไว้เพิ่มแรงกอดแนบแน่นขึ้นไปอีกเมื่อเห็นท่าทีหลีกหนีของคนในอ้อมกอด ถึงแม้มันจะไม่น่าแปลกใจซักนิดที่ซองมินจะหนีเขา แต่เขาก็ไม่อยากเพิ่มช่องว่างกันและกันมากไปกว่านี้...
          ความรู้สึกที่มันรางเลือนในใจ ตอนนี้มันค่อยๆชัดเจนขึ้นมาช้าๆอย่างที่คยูฮยอนหาสาเหตุไม่เจอ...
            แต่ก็ไม่อาจเอ่ยคำรัก คำขอโทษ หรือคำอะไรใดๆ...ความปากแข็งและทิฐิที่มีอยู่มันคงล้นออกมาทางปากซักวัน กับการกระทำที่มันไม่ได้นำพาให้อะไรดีขึ้นเลยของ      คยูฮยอน ชั่วเวลานี้ที่มีเพียงแต่ความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างที่คยูฮยอนไม่เคยพบเจอ อึดอัด สับสน ร้อนรน ปวดหัวใจเหมือนเป็นโรคร้ายเพียงเพราะแค่ถูกคนตัวเล็กตวาดถ้อยคำที่มันพาให้หัวใจสั่นสะเทือน...คำที่แทงใจดำ คำที่ด่าเขาเสียไม่มีดี ถ้าหากเป็นตัว คยูฮยอนในวันนั้นคนสวยในอ้อมกอดนี้อาจจะตายคามือไปแล้ว...อ้อ...ไม่สิ...
          ...ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไรก็คงไม่สามารถ...ว่าคยูฮยอนเคยทำร้ายจนเหมือนฆ่าแม่ดาวคนสวยนี้มาแล้วทั้งเป็นมาครั้งนึง...
            หากจะมีใครซักคนอาสาไปกระซิบบอก สิ่งเดียวที่คยูฮยอนจะได้ยินตอนนี้คงเป็นเสียงตะโกนให้ร่างสูงเอ่ยคำบางคำที่ควรอธิบาย...คยูฮยอนไม่ได้โง่...คนเราทำผิดก็ต้องยอมรับผิดแล้วเอ่ยขอโทษ แต่นั่นมันทฤษฎีคนธรรมดาซึ่งมันใช้ไม่ได้กับคยูฮยอน...ผู้ชายปากแข็ง เอาแต่ใจและงี่เง่าอย่างร้ายกาจ...
          งี่เง่าถึงขั้นที่รู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้ควรจะทำอะไร แต่คยูฮยอนก็ยังอึดอัดที่จะทำ...
            อาการเงียบไปของคยูฮยอนที่ไม่ได้รู้เลยว่าบัดนี้คนในอ้อมกอดนั้นคิดสมเพชตัวเองล่วงหน้าไปไกลลิบ เห็นว่าซองมินอยู่นิ่งให้กอดคยูฮยอนก็มอบอ้อมกอดแสนอบอุ่นให้โดยที่ไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่น้อย ว่าความคิดของร่างเล็กที่เขากำลังตระกองกอดอยู่นั้น ก่นด่าหัวใจตนเองที่เจ็บไม่จำไปไกลแล้ว...
            ...หลายครั้งที่คนเรามองข้ามความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม หลายครั้งที่มองผ่านการกระทำคุ้นตาซึ่งเราไม่ทันสังเกตให้ชัดเจน มนุษย์นั้นมันก็เป็นแค่สัตว์ชนิดหนึ่งที่มีมันสมองที่ใหญ่กว่าสัตว์ทั่วไป และหัวใจที่สลับซับซ้อนกว่าเท่านั้น...คนเรามันไม่ใช่สิ่งวิเศษวิโสมาจากไหน เราไม่สามารถหยั่งรู้จิตใจของใครๆได้เลย...
          ...ถ้าเราไม่สื่อความรู้สึกกันผ่านคำพูดและการกระทำ มันก็ยากนักที่จะเข้าใจ
            คยูฮยอนหยัดตัวขึ้น เอื้อมคว้าคนในอ้อมอกยกขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย ซองมินที่ก้มหน้าน้ำตาซึมด้วยความสมเพชตัวเองอยู่นั้นตกใจสะดุ้งโหยง เพียงชั่วเสี้ยววินาทีช่วงตัวอวบก็ลอยหวือมาอยู่บนเตียงกว้างสุดหรูที่ตั้งอยู่ไม่ไกลของฟิชชี่เพื่อนรักเขาทันที ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองชั่วขณะ และสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือเงาดำๆของปีศาจตนเดิมที่กำลังก้าวขึ้นเตียงมานั่งเคียงข้างเขา การกระทำที่คยูฮยอนไม่ได้เอ่ยอะไรเลยแม้แต่คำเดียว แต่สำหรับคนที่มีความทรงจำฝังใจอยู่นั้นเท่านี้มันก็เพียงพอแล้วกับการสะกิดเปิดแผลเป็นให้มันเจ็บร้าว...ทวีคูณ...
            “ฮึ...สุดท้าย...มันก็เท่านี้...สินะ...” ซองมินดึงรั้งชายเสื้อตัวหลวมสีขาวของตนแน่นจนคอเสื้อแสนกว้างตะเข็บขาดดังปึด ท่าทางเจ็บปวดฝังลึกที่คยูฮยอนชะงักไป ฝ่ามือสากที่กำลังตรงเข้าลูบเบาๆที่ร่างน้อยอย่างหมายจะปลอบประโลมค้างเติ่ง ก่อนที่ดวงตาคมกริบแฝงแววรู้สึกผิดเต็มเปี่ยมของคยูฮยอนจะเบิกกว้างตกใจกับการกระทำของคนตรงหน้า
            แคว่ก!!!!!!        
            “อ่ะ!!!
“ใช่ ชั้นน่ะมันอยาก...มันร่าน...” สิ้นเสียงขาดคว่าก!!ของผิวผ้าเนื้อนิ่ม น้ำเสียงเย็นเยียบต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเอ่ยผะแผ่วในลำคอระหง ถ้อยคำที่คยูฮยอนยังไม่ได้เอ่ยด่าทอใดๆ แต่ราวกับซองมินนั้นจำฝังใจไม่ลืม ฝ่ามือเล็กแดงเป็นริ้วจากการดึงรั้งหยุดฝ่ามืออยู่ที่แผ่นอกบางที่เผยยอดอกสีแดงฉ่ำรำไร รอยจูบแดงช้ำประปรายจากฟิชชี่ที่ฝากรอยไว้เผยตัวน้อยๆ แต่ในขณะนี้ที่ราวกับมีพายุดำทะมึนหมุนคว้างอยู่ข้างหลังซองมิน สิ่งเดียวที่  คยูฮยอนรับรู้ได้คือกระแสอารมณ์ที่แผ่ซ่านของแม่ดาวตัวเล็กที่บัดนี้สติขาดผึง เชิดหน้าขึ้นสูงดวงตาแดงก่ำเหมือนถูกเลือดสาดเจ็บร้าว ก่อนจะตะโกนเสียงดังแทบหมดลม
“ถ้าอยากทำนักก็ทำซะให้พอ!!! สิ้นเสียงตะโกน ร่างของซองมินที่นั่งกองอยู่กับพื้นเตียงพุ่งเข้าใส่คยูฮยอนที่ตกตะลึงไปเพราะแรงอารมณ์นั่นจนแผ่นหลังกว้างหงายหลังตึงลงกับฟูกนอนกว้าง ร่างสูงแกร่งถูกผลักลงไปแทบจมฟูกก่อนที่ดวงตาคมกริบจะเบิกกว้างเมื่อกลีบปากเล็กตรงเข้ากระแทกริมฝีปากเข้ากับเขาอย่างแรงจนกรุ่นกลิ่นเลือด ซึ่งคราวนี้มันไม่ใช่เลือดของคยูฮยอนคนเดียว หากแต่เป็นรสเลือดของซองมินด้วยเช่นกันที่ซึมซ่านออกมาจากกลีบปากเล็กสีชมพูที่บัดนี้ผละออกช้าๆ ผ่อนลมหายใจหอบสั่นเพราะพิษโกรธแค้น...
คยูฮยอนที่นอนตกตะลึงอยู่ใต้ร่างถึงกับตัวแข็งทื่อกับการกระทำของร่างเล็ก หัวใจแทบหยุดเต้นเพราะเจอเรื่องไม่คาดฝัน หากแต่หลังจากที่มันหยุดเต้นไปชั่วครู่เพราะตกตะลึง...อาการปวดหน่วงซ้ำๆก็ตรงเข้าเกาะกุมก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของคยูฮยอนอีกครั้ง เมื่อรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่หยดแหมะลงบนผิวแก้มสากของเขา...
น้ำตา...
“ฮึก...” ...หยาดน้ำใสไหลลงมาเป็นทางจนจรดใบหน้าของคยูฮยอนที่ถูกกดรั้งร่างลงกับเตียง ใบหน้าสวยที่แนบประชิดพรูลมหายใจคร่อมทับอยู่ด้านบนสั่นสะท้าน ช่วงแขนเรียวที่ยันตัวคร่อมเขาไว้กับเตียงสะเทือนไหว ฝ่ามือเล็กที่กำไหล่แกร่งของคยูฮยอนอยู่นั้นสั่นระรัว...
...หยดน้ำตาที่เหมือนเปิดประตูใจให้คยูฮยอนได้ในชั่วเสี้ยววินาที...
ความรู้สึกที่คยูฮยอนไม่รับรู้ ไม่แน่ใจ บัดนี้ราวกับถูกหยาดน้ำนี้ปัดมันทิ้งไปหมดสิ้น เหมือนช่องท้องหมุนวนเวียนคว้าง ช่องว่างเวิ้งว้างในจิตใจที่วูบโหวงเหมือนถูกเติมเต็ม ความรู้สึกที่คยูฮยอนไม่รับรู้ถึงมันเลย บัดนี้ราวกับค่อยๆถูกเปิดเผยกระจ่างชัดในใจ ความรู้สึกเจ็บร้าวแสนสาหัส เพราะเห็นคนตรงเจ็บปวดแทบขาดใจนั้นคืออะไร...
...คำสั้นๆที่คยูฮยอนที่คยูฮยอนปฎิเสธที่จะรับรู้มันมาตลอด...
...คำๆนั้นที่เรียกว่า...รัก...
...มันใช่...หรือเปล่านะ?
หากแต่ยังไม่ทันที่คยูฮยอนผู้ถูกความจริงของหัวใจตรงเข้าตีแสกหน้าจะเอ่ยคำพร่ำรำพันขอโทษร่างน้อย ซองมินกลับค่อยๆปาดน้ำตาออกด้วยฝ่ามือข้างหนึ่งช้าๆ ช่วงตัวอวบลุกขึ้นจากที่คร่อมทับตัวชายใต้ร่างอยู่ผละกายออกมานั่งไม่ไกลนัก ก่อนจะใช้ทั้งแขนทั้งศอกปาดน้ำที่ไหลบ่าจากดวงตาแดงก่ำ คยูฮยอนผุดลุกขึ้นช้าๆ ฝ่ามือสากยันตัวขึ้นกับฟูกนิ่ม ใบหน้าหล่อเหลาอ้าปากจะเอ่ยบางสิ่งอึกอักแต่ก็พูดไม่ออกแม้ซักคำ...
...ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยซักครั้งที่เขาจะต้องเอ่ยคำขอโทษพร่ำรำพันขอร้องให้คนอื่นมาให้อภัยเขา...หากบอกตรงๆมันจะดูโง่เง่าไหมที่คนอย่างโจวคยูฮยอนนั้นไม่รู้ซึ่งวิธีที่จะเอ่ยคำขอร้อง คำขอโทษขอโพยใคร สิ่งเดียวที่ตอนนี้คยูฮยอนกำลังเป็นคือหัวใจที่เจ็บร้าวกับความรู้สึกที่ประดังประเดเข้ามา เหมือนมันติดอยู่ที่ปาก รู้สึกได้แต่พูดไม่ออก มันอึดอัด มันขัดข้อง อื้ออึงตื้นตันไปหมด แม้ว่าอีกใจกำลังตะโกนอยู่ข้างในว่าถ้าหากคยูฮยอนไม่ทำอะไรซักอย่างในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีตรงหน้ามันจะพังทลายลงไป จากที่มันพังแหลกเหลวอยู่แล้วเพราะการกระทำที่โง่เง่าของคยูฮยอน...ทุกอย่างมันจะยิ่งพังซ้ำ แหลกละเอียด...ยิ่งกว่าเดิม...
...กลีบปากได้รูปเผยอค้างเติ่ง ขยับอ้าเพียงน้อยแต่ก็เหมือนมีใครมาต่อยท้องจนจุกให้พูดไม่ออก...
...พูดไม่ออกแม้ซักคำ...จริงๆ...
“ทำไม...ทีแบบนี้ทำไมไม่ทำ...ชอบแบบขัดขืนหรือยังไง...อีตัวคนนี้มันจะได้ทำให้ถูกใจ......” ซองมินเอ่ยเสียงเบาในลำคอที่คยูฮยอนได้ยินทุกคำแล้วหัวเราะขื่นๆตามหลัง กลีบปากเม้มแน่นเมื่อเอ่ยย้ำถ้อยคำนั้น ดวงหน้าสวยส่ายหน้าไปมาช้าๆเอ่ยด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ เนื้อตัวขาวผ่องซีดเซียวแตกร้าว แผ่วผิวที่เคยผุดผาดดูขาดหยาดน้ำประพรม...สายน้ำเดียวที่หล่อเลี้ยงชีวิตของซองมินตอนนี้มันคือหยาดน้ำตา...
...น้ำตาที่ราวกับจะไม่มีวันแห้งขอด...ตลอดกาล...
“ไม่!! มันไม่ใช่แบบนั้น!!!” ถ้อยคำด่าตัวเองของซองมินที่ทำให้คยูฮยอนลุกพรวดขึ้น ฝ่ามือสากเอื้อมคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามาหาหมายจะปรับความเข้าใจ เอ่ยอะไรก็ได้ไม่ใช่เขาเงียบไปแล้วคนตัวเล็กด่าทอตัวเองด้วยถ้อยคำเจ็บแสบขนาดนี้ แต่ทว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขานั้นกลับหันหน้ามาหาเขาช้าๆจนคยูฮยอนชะงักมือ ดวงหน้าสวยที่ฉายแววขื่นขมเย้ยหยันชีวิต เปล่งสรรพเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา หอบพร่า...
“...ถ้าร่างกายนี้มันยังไม่สกปรกจนเกินไปนัก...มีเซ็กส์กันซักทีมันคงสนุกอย่างที่นายเคยพูดไว้...ใช่มั้ย...” ซองมินส่ายหน้าน้อยๆเผยรอยยิ้มมุมปากทั้งดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการปาดเช็ดซ้ำซาก ประโยคเอ่ยเชิญชวนขึ้นเตียงที่เหมือนคันศรแทงทะลุเข้ากลางใจของ คยูฮยอนกับถ้อยคำที่ร่างเล็กเอ่ยย้ำ คำที่มันมีที่มาจากตัวเขาเองที่พูดใส่หน้าคนตัวเล็กไปแบบนั้น...
...คำพูดทิ่มแทงที่คยูฮยอนเอ่ยไปโดยไม่คิดอะไร...หากแต่พอมันถูกเอ่ยออกจากปากของคนตรงหน้า...ราวกับคำพูดนั้นมันแว้งกลับมาทำร้ายจิตใจของคยูฮยอนอย่างแสนสาหัส...
“...............” คำกล่าวเรียบๆที่แฝงความขมขื่นลึกสุดหยั่งของซองมินที่คยูฮยอนได้แต่นิ่ง ไม่อาจพูดอะไรกลับคืน ฝ่ามือสากกำแน่นบดขยี้กำปั้นลงกับฟูกผืนใหญ่จนแทบขาดเป็นรอย ความเจ็บปวดที่คยูฮยอนรับมามันไม่ได้มีที่มาจากร่างเล็กเลย กระทั่งหมัดที่กำแน่นนี้เขาก็ไม่ได้แค้นเคืองซองมินที่ปากคอเราะร้ายพูดจาแทงใจดำเขา...คยูฮยอนนั้นเริ่มสำนึกขึ้นมาช้าๆจากหยาดน้ำตาหยดนั้นที่ตกกระทบใบหน้า...ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้คนที่ผิดคือเขาคนเดียว...
คนที่ทำให้ทุกอย่างมันพังคือโจวคยูฮยอนผู้นี้จริงๆ...
“...ฮึ” ซองมินแค่นยิ้มลึก ใบหน้าสวยส่ายไปมาช้าๆ หยาดน้ำใสเม็ดโตไหลลงลงมาตามร่องแก้มนวล ฝ่ามือเล็กจับชายเสื้อสีขาวที่ขาดเป็นริ้วจากการฉีกทึ้งด้วยน้ำมือตนเอง ถอดมันขึ้นทางหัวช้าๆแล้วปามันลงกับพื้นพรมข้างล่างที่หากมองเพียงผ่านเสื้อตัวสวยสีขาวนั้นก็ไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว ก็แค่สิ่งของชั้นดีที่ถูกฉีกทึ้งเสียหายก่อนจะกลายเป็นขยะชิ้นหนึ่ง เศษเสื้อผ้าที่บัดนี้ซองมินคิดว่ามันก็ไม่ต่างจากตัวเขา...แค่ถูกทำลายจนกลายเป็นของไร้ศักดิ์ศรี ไร้ค่า ไร้ราคา...
...แค่คุณค่าความเป็นคนที่ซองมินคิดว่าเขาไม่มีเหลือ...อีกแล้ว...
คยูฮยอนเบือนใบหน้ามาหา มองสบตากับดวงตาคู่สวยแดงก่ำ เรือนกายที่เคยขาวผ่องอวบอิ่มแลดูซีดเซียวเต็มไปด้วยร่องรอยความเจ็บปวด...
            “ไม่ต้องมาสนใจว่าชั้นจะเป็นยังไงหรอก...คุณโจวคยูฮยอน...” ครั้งแรกที่ซองมินเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายจนคยูฮยอนหันขวับมามองใบหน้าสวยด้วยความสับสนที่ขมขื่นจากความผิดของตัวเอง ชื่อที่ต่อไปนี้ซองมินคงไม่มีวันลืมมัน ชื่อที่คงจะจำฝังใจไปจนวันตายกับชื่อของปีศาจตนหนึ่งที่ทำลายทุกอย่างในชีวิตของเขา ไหนๆมันก็ไม่เหลืออะไรให้ฝันให้หวังอีกแล้ว มันจะเป็นไรไปถ้าซองมินจะใช้ร่างกายนี้ประชดชีวิตมันซะเลย ถ้าเปรียบกับแก้วที่มันตกลงแตกกระทบพื้นเป็นเศษแหลมคม สิ่งที่ตอนนี้ซองมินกำลังทำคือใช้มือเล็กๆบดขยี้เศษแก้วนั้นให้มันแหลกละเอียดคามือ...
            ให้เลือดที่มันไหลเวียนในร่างนี้ได้คละเคล้า...ผ่อนคลาย...
          ...ให้หยาดเลือดขุ่นข้นในกายมันหลั่งไหล ให้เจ็บ ให้ปวด..ให้มันหน่วง...ไม่มีวันลืม
“ชั้นอยากจะรู้แล้วจริงๆว่าไอ้ที่เรียกว่าสนุกน่ะ มันเป็นยังไง...สอนหน่อยได้มั้ย...” ซองมินขยับตัวเข้าหาร่างสูงช้าๆ สบตาตรงๆเอ่ยเสียงขมขื่น รูปประโยคที่ถ้าหากเป็นวันนั้นคยูฮยอนคงจะตวาดด่ากล่าวหาว่าร่างเล็กร่านสวาท...หากแต่วันนี้มันกลับไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว น้ำเสียงและการกระทำที่ตีความได้ชัดว่าซองมินกำลังประชดชีวิตตัวเอง อากัปกิริยาร่ำร้องสัมผัสที่คยูฮยอนรู้สึกว่ายิ่งเห็นเขายิ่งรู้สึก...หากไม่ใช่รู้สึกอยากกระสัน แต่เป็นความรู้สึกหนักๆอะไรซักอย่างที่ยากจะอธิบาย ...ท่าทางเหมือนคนที่สูญเสียหมดสิ้นซึ่งทุกอย่างแล้วของซองมิน...ท่าทางที่สื่อชัดเจนว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้วที่กำลังตรงเข้าทำร้ายหัวใจของคยูฮยอนสิ้นดี...
บันนี่คุณอย่าทำแบบนี้...” คยูฮยอนส่ายใบหน้าหล่อเหลาไปมาช้าๆ เอ่ยเสียงสั่นเหมือนคนถูกค้อนทุบหนักๆที่สมอง การควบคุมตัวเองที่สูญเสียไปเพราะความรู้สึกที่    คยูฮยอนไม่เคยพบเจอ ความรู้สึกของคนตัวเล็กตรงเข้าปะทะจนคยูฮยอนสับสนไม่อาจรับมือ ได้แต่เอ่ยเสียงพร่าเบาๆเมื่อฝ่ามือเล็กตรงเข้าผลักอกเขาจนคยูฮยอนลงไปนอนหงายกับฟูกนิ่ม ก่อนที่ร่างของคนตัวเล็กที่เปลือยเปล่าทั้งตัวจะตรงเข้าทาบทับ ร่างทั้งร่างของซองมินที่คยูฮยอนได้สัมผัสผ่านผิวผ้าของเขากับผิวเนื้อเปล่าเปลือยของอีกฝ่าย ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่าร่างตรงหน้านี้อ่อนแอเหลือเกิน...เหมือนมันยิ่งตอกย้ำความเลวทรามที่คยูฮยอนทำลงไปกับร่างกายเล็กๆนี้...
...ต่ำช้า
มันคือคำๆเดียวที่เหมาะสมกับคยูฮยอนในตอนนี้...จริงๆ...
“แบบไหน...” ซองมินเลื่อนกายลงต่ำ ปลายนิ้วเล็กบอบบางขยับไปปลดเปลื้องเครื่องแต่งกายช่วงล่างของร่างสูงท่ามกลางสายตาคมที่มองมาอย่างตกตะลึง เสียงเข็มขัดหนังถูกปลดออก พร้อมกับกางเกงสูทขายาวที่ซองมินลากมันออกทั้งๆที่เรี่ยวแรงแทบไม่มี ซึ่งก็ทำได้โดยง่ายเพราะคยูฮยอนนั้นนิ่งไปเหมือนคนถูกกระชากวิญญาณให้หลุดออกจากร่าง...
“...ชั้นเป็นแบบไหน...ไหนบอกมาซิ คยูฮยอน...” ซองมินเอ่ยเสียงพร่า คำเรียกชื่อที่สั้นลงในน้ำเสียงแผ่วระโหยเหมือนคนสิ้นหวัง...หลังการปลดเปลื้องร่างกายท่อนล่างของร่างสูง ต้นขาอวบค่อยๆขึ้นชันเข่าคร่อมตัวคยูฮยอนไว้ เรือนร่างที่เปลือยเปล่าไปแล้วทั้งตัวของซองมินมันไม่ยากที่จะกระตุ้นให้แก่นกายของคยูฮยอนรู้สึกขึ้นมาช้าๆ เหมือนร่างกายที่มันทรยศต่อจิตใจ เพราะตอนนี้คยูฮยอนไม่มีความคิดที่จะหาความสุขกับร่างกายนี้ซักนิด...
มีแค่หัวใจที่ปวดหน่วงเหลือเกิน
...เหตุการณ์ที่ซ้ำซ้อนเหมือนเดจาวูกับคราวนั้น...คราที่ซองมินไม่ยอมแต่ร่างกายกลับโอนอ่อนตอบรับจนคยูฮยอนเข้าใจว่าซองมินร่านแรงต้องการของๆเขาให้กระแทกเข้าไปในตัว...ความคิดที่มันกลับสลับข้างไม่ต่างกันกับตอนนี้ ที่ซองมินเผลอคิดไปแล้วจากแก่นกายขยายร้อนผ่าวของคยูฮยอนนั้น...สุดท้ายแล้วผู้ชายคนนี้มันก็มีสันดานดิบเดิมๆ...ยังคงต้องการที่จะทำร้ายเขา ยังคงต้องการจะสอดแทรกกระแทกซ้ำเข้าไปในร่างของเขา...ท่าทางที่เหมือนรู้สึกผิดของร่างสูงที่ซองมินคงคิดไปเอง...
สิ่งที่ซองมินตีความเอาเองยิ่งทำให้หัวใจของซองมินเจ็บ...จนชา...
“บันนี่...ผม...” คำสั้นๆที่คยูฮยอนหลุดออกมาเพียงเท่านั้น ซองมินเพียงแค่นยิ้มมุมปากขื่นขม ฝ่ามือเล็กคว้าเข็มขัดหนังเนื้อนิ่มของร่างสูงเองที่ตนเองเป็นคนปลดออกไปมาในมือ ช่วงตัวอวบอิ่มขยับเลื่อนเข้าหาคยูฮยอนอีกครั้ง ใบหน้าสวยที่ซีดเซียวก้มลงต่ำชิดคางที่มีไรเคราสากจางๆของคยูฮยอน แล้วเอ่ยถ้อยคำแผ่วเบาตอบรับอ่อนระโหย...
“ถ้าอยากมากนัก...ชั้นนี่แหล่ะจะช่วยนาย...เอง...” สิ้นประโยคคุ้นหูในน้ำเสียงขมขื่น เสียงตวัดของเข็มขัดหนังเนื้อนิ่มจรดลงที่ข้อมือใหญ่สองข้างของคยูฮยอนทันที การกระทำที่คยูฮยอนตกใจตาเบิกกว้างอีกครั้ง ประโยคนั่น...ประโยคที่คยูฮยอนจำได้ว่าเขาเป็นคนตวาดใส่แม่ดาวคนสวยเพราะขาดสติ การกระทำของอีกฝ่ายที่สมองของคยูฮยอนเริ่มเข้าใจหลังจากมันกระจัดกระจายมานาน เพิ่งเข้าใจว่าบัดนี้บันนี่...แม่ดาวคนสวยนั้นกำลังจะทำอะไร...
บันนี่ต้องการประชดเขา...ผ่านการกระทำของเขาเอง...
“เงียบไปเลยเหรอ แบบนี้ชั้นจะสนุกได้ไง...” ซองมินยันตัวขึ้นคร่อมกายร่างสูงอีกครั้ง...น้ำเสียงสั่นที่เจ้าตัวพยายามปรับให้มันผ่าวหวาน ทว่าสายตาคมกริบของคยูฮยอนก็ยังอุตส่าห์ทันเห็นหยดน้ำตาเม็ดเล็กที่ไหลซึมจากดวงตากลมโตแดงก่ำ ราวคนถูกทรมานซ้ำๆ...อยู่อย่างนั้น...
สองการกระทำที่ส่งผ่าน และสองความรู้สึกที่ไม่อาจตรงกัน...
“คุณ...บันนี่ คุณอย่าทำแบบนี้ ผม...ผมไม่...” คยูฮยอนเอ่ยห้ามเสียงขื่นเมื่อใบหน้าสวยนั้นส่ายน้อยๆ หัวเราะขื่นๆในลำคอ ฝ่ามือเล็กเลื่อนเข้ากอบกุมแก่นกายใหญ่โตที่มันคับพองรับสัมผัสอ่อนนุ่มของฝ่ามือเล็กนั่นช้าๆ จนซองมินแค่นยิ้ม
“รู้สึกซะขนาดนี้แล้ว นายคงต้องกลืนคำพูดตัวเองที่บอกว่าไม่แล้วล่ะ...” ฝ่ามือนุ่มที่ตรงเข้ากำรอบแก่นกายใหญ่โตเริ่มต้นรูดรั้งหนักๆ...การกระทำที่คยูฮยอนคงจะสุขสมกว่านี้ถ้าหากว่ามันไม่ได้มาพร้อมกับความเจ็บปวดทางใจสุดจะพรรณนาของคนตรงหน้า ประโยคที่ร่างเล็กเอ่ยช้าๆอย่างไม่ขาดสาย ประโยคที่คยูฮยอนฟังแล้วชาไปทั้งหน้าเพราะจำได้ว่ามันเป็นประโยคของใคร...ประโยคต่ำๆชั่วช้าที่เขาเอ่ยใส่หน้าร่างเล็กเอง...
เขาทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายมากมายเกินจะรับได้...จริงๆ...
“อึ้ก...อือ อือ...ฮึก...ฮึกกก..” ซองมินที่เสียงสั่นพร่าเริ่มสะอื้นไห้เบาๆ ฝ่ามือเล็กที่กำรอบส่วนกลางลำตัวของคยูฮยอนนั้นรูดรั้งจนมันแข็งขืน ร่างเล็กเลื่อนตัวเข้าไปหา      ยกสะโพกขึ้นก่อนจะใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งของตนจับแก่นกายคยูฮยอนไว้ นำมันถูไถเบาๆที่ปากทางรักของตนเองที่ยังคงร้าวรานจากการถูกคยูฮยอนข่มขืนตอนนั้น ผิวเนื้อที่แตกแดงช้ำแต่ไม่ถึงกับฉีกขาดนั้นยิ่งทำให้ความปวดแสบทับทวี คยูฮยอนก้มหน้าลงน้อยๆมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตาว่าบันนี่จะทำแบบนี้กับเขา การกระทำประชดชีวิตที่คยูฮยอนไม่อาจตอบโต้ใดๆ ไม่อาจหยุดการกระทำทำร้ายตัวเองของร่างเล็กได้เลยทั้งจากมือทั้งสองข้างที่ถูกมัดจนแน่น และเรือนกายเล็กที่นั่งคร่อมทับเขาอยู่ทั้งเนื้อทั้งตัว
“บันนี่อย่า! คุณจะเจ็บนะ อึ้ก!!!” คยูฮยอนละล่ำละลั่กบอกเมื่อรับรู้ได้ว่าซองมินกำลังพยายามขืนแก่นกายใหญ่โตของเขาเข้าไปในร่าง ใบหน้าสวยของซองมินฉ่ำหยาดน้ำตาเป็นสาย ไม่รู้ว่าจากความเจ็บทางกาย หรือความสมเพชตัวเองที่มันเข้าเกาะกุม...หรือมันอาจจะมาจากจิตใจลึกๆอีกใจที่มันรู้สึกดีขึ้นมาน้อยๆที่ปีศาจตนนี้ยังคิดจะห่วงร่างกายโสมมร่างนี้ของเขา
“...ชั้นเจ็บมากกว่านี้มาแล้ว โจวคยูฮยอน...” สิ้นประโยคอ่อนระโหยโรยแรงที่มาพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันเจือจางจนคยูฮยอนได้แต่นิ่งไป ซองมินกดกายลงต่ำ ผ่อนลมหายใจสั่นพร่าสะอึกสะอื้นเมื่อรับรู้ได้ว่าแก่นกายร้อนแข็งขืนราวท่อนไม้นั้นค่อยๆชำแรกลึกเข้าไปในร่างซองมินช้าๆ ความเจ็บร้าวที่แล่นวาบขึ้นมาถึงสมองเพราะการย้ำแผลเก่าที่ ซองมินเริ่มมันด้วยตนเอง คยูฮยอนแทบจะกลั้นหายใจให้มันตายๆไปเสียเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดหนั่นแน่นของสะโพกอิ่มที่ขืนกายลงกับร่างของเขา...
...เซ็กส์...ที่เหมือนไม่ใช่เซ็กส์...
...ความเสียวซ่านทางกายที่หัวใจไม่ได้รับรู้ถึงมัน...
...มีเพียงความเจ็บร้าวรานเท่านั้นที่มันกระจ่างชัด...ในใจ...
“อ๊ะ...อือออ อื้ออ อึ้ก ฮึก..ฮึก” ทันทีที่ร่างทั้งร่างกดลงแนบสนิท ซองมินหยัดกายขึ้นเล็กน้อยคลายความปวดแสบ ฝ่ามือเล็กสองข้างวางบนกล้ามท้องเรียงตัวสวยของ   คยูฮยอนที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตเนื้อดีที่ยังไม่ถูกถอดออกไปแต่ก็ถูกซองมินปลดมันออกเรียงเป็นทาง อาการโหมกายขึ้นลงของร่างเล็กที่คร่อมทับเหนือร่างคยูฮยอนอยู่นั้น ถ้าหากกายกับใจมันแยกส่วนได้ ร่างกายของคยูฮยอนมันคงร่ำร้องหาสัมผัสตอดรัดอ่อนนุ่มของเรือนร่างนี้อย่างไม่มีเบื่อหน่าย หากแต่จิตใจนั้นเล่า...น่าแปลกที่ชั่วขณะยามร่างกายคลอเคล้า จิตใจของคนทั้งสองกลับดำดิ่งลงพร้อมๆกัน...
...สับสน...เหลือเกิน...
“คุณทำแบบนี้ อึก..ทำแบบนี้ทำไม..บันนี่ ผม...” คยูฮยอนเอ่ยเสียงสั่นพร่า ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นสูงเพราะแรงกระแทกซ้ำๆย้ำๆของร่างน้อยที่คร่อมกายขึ้นลงอยู่เหนือเขา การสอดแทรกที่คลายความเจ็บลงช้าๆ เหมือนร่างสองร่างที่พยายามปรับตัวเข้าหากันตามสัญชาตญาณการร่วมรักที่มันมีอยู่ในสัตว์ทุกตน ปลายจมูกโด่งของคยูฮยอนกรุ่นกลิ่นกายจางๆของซองมินที่ตรงเข้าคลุกเคล้าร่างตัวเองเข้ากับเขา จนอีกใจยังอดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขาได้ครอบครองร่างกายนี้อย่างเต็มอกเต็มใจมันจะเป็นอย่างไร มันจะสุขใจแค่ไหนกัน....
...ความคิดที่ยิ่งคิดคยูฮยอนยิ่งอยากจะเอาปืนมายิงขมับตัวเองให้ตายไปซะพ้นๆ...เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตนเองทำจนมันเกิดความรู้สึกที่แสนขมขื่นระหว่างเขากับร่างเล็ก...ในตอนนี้...
...เวลาที่มันไม่อาจไหลย้อนกลับ...
...ความคิดที่คยูฮยอนนึกอยากจะตรงเข้าไปหมุนทวนเข็มนาฬิกาให้มันหมุนวนกลับไปที่เดิม...จริงๆ...
“...อึ้ก แฮ่ก ฮึก....ฮึ่ก....” ซองมินยังคงขยับกายขึ้นลงย้ำจุดกระสันของตนเองอยู่เช่นนั้น การกระทำที่ซองมินพยายามให้ร่างกายตนนั้นเจอกับความหวามไหวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามเหลือเกินไม่ให้หัวใจโอนอ่อนเพริดไปกับความอ่อนโยนชั่วครู่ที่ร่างสูงเผลอมอบให้ ใช่ว่าซองมินจะไม่รู้...ร่างกายที่เคยแนบสนิทกันแล้วครั้งหนึ่งแม้มันจะเป็นการข่มขืน แต่ซองมินก็รับรู้ได้ แยกมันได้ว่าตอนนี้ผู้ชายที่มีปีกของปีศาจตนนี้กำลังพยายามที่จะอ่อนโยนกับเขา...
ทั้งสายตา ทั้งการกระทำ...ทั้งความรู้สึกที่ส่งผ่าน...
“ฮึก...อื้อ อื้ออ อื๊อออ!!!” ความคิดที่ทำให้ซองมินรีบเบือนหน้าหนี กดสะโพกอิ่มของตนเองลงไปหนักหน่วงมากกว่าเดิมเพื่อหยุดยั้งความรู้สึกทางใจที่มันตรงเข้าโอบคลุม  รู้ทั้งรู้ว่าคนๆนี้มันชั่วช้าแค่ไหน หลักฐานชั้นดีที่ซองมินไม่มีวันลืมเลือน สิ่งที่ร่างเล็กกำลังทำอย่างปลดปล่อยอารมณ์ที่มันก็เป็นที่มาจากการกระทำที่ต่ำทรามของคนตรงหน้าทั้งนั้น ความคิดที่ยิ่งคิดซองมินยิ่งรีบสะบัดความรู้สึกอ่อนโยนแผ่วหวานเมื่อครู่ทิ้งเสีย หัวใจที่มันบอบช้ำหมุนวนกลับไปหาความเจ็บปวดที่ซองมินเจอ จนต้องมาประชดชีวิตด้วยการมีเซ็กส์กับปีศาจตนเดิมซ้ำๆอยู่แบบนี้
...อย่าได้หวังอะไรดีๆ กับชีวิตนี้ที่มันแหลกเหลวไปแล้ว...อีกเลย...
“อ่ะ บันนี่อย่า! ถ้าทำอย่างนั้นคุณจะ.. อ่ะ อื้อออ!!” คยูฮยอนที่รู้สึกได้ว่าร่างน้อยนั้นเร่งจังหวะจนความรุนแรงพุ่งสูง สิ่งที่มันจะส่งผลกับร่างกายเหนื่อยล้านั้นเอง แต่นั่นมันคือจุดประสงค์ของซองมินผู้ที่ตอนนี้หัวสมองตื้อตันอื้ออึง ความคิดสับสนไปหมด ทั้งเรื่องที่ตนเองถูกคยูฮยอนข่มขืน ทั้งเรื่องที่อยากจะประชดชีวิตถึงขั้นให้มันตายๆไปเสีย หรือกระทั่งเรื่องที่ร่างกายได้รับความอ่อนโยนไปเมื่อครู่...
อย่า อย่าไปคิดถึงมัน อย่านะ ไม่เอาแล้ว ไม่อยากเจ็บแล้วใช่มั้ยลีซองมิน ไม่!!!
เจ็บ เอาให้มันเจ็บ เอาให้มันเจ็บที่สุด จะได้ตาสว่างซักทีซองมิน!!!
“อึ้ก อึ้กกก อ๊า!!!!!!!!” ซองมินที่หรี่ตาแน่นเพราะความเจ็บแสบยังช่องทางเบื้องล่างที่แล่นริ้วตีคู่กันมากับความเสียวกระสัน เชิดหน้าขึ้นกรีดร้องแหลมสูงเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของอารมณ์ ฝ่ามือเล็กที่รูดรั้งกระตุ้นแก่นกายของตนเองในจังหวะสุดท้ายยิ่งทำให้ความกระสันนั้นแล่นริ้วรุนแรง คยูฮยอนหลับตาซี๊ดปากแน่นในจังหวะที่คนตัวเล็กปลดปล่อย ก่อนที่จะลืมตาโพลงขึ้นมาในจังหวะที่หยาดน้ำขาวขุ่นของซองมินพุ่งเป็นคราบเลอะมาจนถึงปลายคางของเขาพอดี ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ดิบที่คั่งค้างอยู่ของคยูฮยอนให้พุ่งสูง ช่องทางตอดรัดบีบเป็นจังหวะตามกระแสน้ำอุ่นข้นที่พุ่งฉีดออกมาของซองมินยิ่งบีบรัดแก่นกายแข็งขืนของคยูฮยอนหนักกว่าเดิม ซองมินที่ขยับสะโพกตอบรับจังหวะซ้ำๆเหมือนรับรู้ว่าคนตัวสูงกำลังจะปลดปล่อย ครางอืออาดังลั่นในไม่กี่เสี้ยววินาทีถัดมา
“อึก อือออ!! อึก!! ...อาห์...” คยูฮยอนครางเสียงต่ำในลำคอเมื่อแก่นกายใหญ่ปลดปล่อยตามๆกันมา สายน้ำอุ่นคาวพุ่งฉีดเข้าทั่วช่องทางของซองมินจนเปรอะออกมาเป็นสาย เสียงครางหอบสั่นกับเรือนกายที่หอบสะท้านปานจะขาดใจของร่างเล็กที่คยูฮยอนอยากจะดึงรั้งร่างนั้นเข้ามากอดเหลือเกิน ถ้าหากไม่ติดว่าข้อมือทั้งสองข้างของเขาจะยังมีพันธนาการของร่างเล็กค้างอยู่เช่นนี้...
“อึ้ก...อ่ะ อา ซี๊ด...โอ๊ย..อื้อ อึก ฮึก” ซองมินที่บังคับร่างตัวเองให้ไม่หอบสั่นยังคงนั่งคร่อมทับแก่นกายร้อนอยู่เช่นนั้น ความร้อนของของเหลวคาวขุ่นที่ไหลซึมเหนอะหนะไปหมดทั้งช่วงล่างของซองมินจนคนตัวเล็กขยับสะโพกขึ้นด้วยความยากลำบาก กายเล็กหอบสั่นยกตัวขึ้นช้าๆ ใบหน้าสวยที่มีน้ำตาซึมเป็นสายหรี่ตาแน่นเมื่อผละจากแก่นกายร้อนผ่าวราวไฟสุมของคยูฮยอนออกมา ต้นขาอวบสั่นไหว ฝ่ามือเล็กที่ยันเตียงยุบยวบไปตามแรง สะโพกอิ่มของซองมินทิ้งตัวลงกับฟูกนิ่มข้างๆร่างของคยูฮยอน เสียงหอบสั่นเหมือนคนจะขาดใจที่คยูฮยอนได้ยินทุกอณู...
“อึ้ก บะ บันนี่ คือผม...”
เพี๊ยะ!!!!
...ยังไม่ทันที่คยูฮยอนจะเอ่ยคำใดกับร่างเล็กที่เขาเลื่อนตัวเข้าไปหาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงสุดประมาณ ฝ่ามือเล็กที่สั่นสะท้านตวัดมาที่แก้มสากของเขาเต็มแรงทันทีจนคยูฮยอนหน้าหัน เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังเพี๊ยะจนซองมินหรี่ตาแน่นด้วยรู้ว่ามันคงเจ็บไม่น้อย...
...แต่เขาเคยเจ็บมาแล้วมากมายกว่านี้
“...ถือว่าหายกัน...ชั้นใจดีใช่มั้ยล่ะที่แลกชีวิตชั้นทั้งชีวิตกับการตบนายแค่ทีเดียว...” คยูฮยอนที่หน้าหันไปตามแรงตบยกฝ่ามือสากทั้งสองที่ยังถูกมัดเข้าด้วยกันด้วยเข็มขัดหนังของเขาเองขึ้นกุมแก้มซีกที่ถูกตบทันที ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วมุ่นอ้าปากจะถามคำ กลับต้องชะงักนิ่งเมื่อเจอถ้อยคำถัดมาของซองมินผู้ที่บัดนี้ค่อยๆกระถดกายถอยออกห่าง คยูฮยอนออกไปช้าๆ...
 ...เหนืออื่นใดคือใบหน้าสวยที่เชิดขึ้นมองสบตาเขาตรงๆ ดวงตากลมโตที่สื่อแววตาความหมายนับร้อยพัน ดวงตาแดงก่ำที่คราบน้ำตาไม่เคยได้จางหาย...เมื่อใดที่มันทำท่าจะหยุด เมื่อนั้นซองมินก็ต้องปะทะกับความรู้สึกเจ็บแสบขมขื่น ทั้งจากถูกปีศาจตรงหน้าทำร้าย ทั้งจากจิตใจของซองมินเองที่มันสั่งให้สร้างความเจ็บปวดตอกย้ำซ้ำๆอยู่เช่นนั้น...
“อ่ะ...” ภาพของคนตัวเล็กที่คยูฮยอนได้แต่ชะงักอึ้ง ความโกรธที่มันพุ่งขึ้นแล่นริ้วทำท่าจะระเบิดเพราะถูกตบจนหน้าหันกลับถูกปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เพียงเพราะได้สบตากับดวงตาแสนเจ็บปวดคู่นั้น อีกทั้งประโยคทิ่มแทงที่คยูฮยอนเถียงมันไม่ออก
“...ฮึ...จบสิ้นกันที...” ซองมินแค่นหัวเราะน้อยๆอย่างสมเพชตัวเอง ช่วงตัวอวบที่ทิ้งตัวอยู่ข้างกายคยูฮยอนนั้นขยับช้าๆ นิ่วหน้าไปนิดเมื่อรับรู้ได้ถึงความปวดแสบยังสะโพกอิ่มของตน หากแต่ยังไม่ทันที่ซองมินจะผุดลุกหนีสภาพที่น่าสมเพชนี้ออกไปไกล แรงฉุดเบาๆของฝ่ามือสากข้างหนึ่งที่ยังคงถูกมัดเข้าด้วยกันก็ตรงเข้าคว้าต้นแขนอวบของซองมินช้าๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำที่เคยตวาดซองมินบัดนี้แหบพร่าน้อยๆราวไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองพูดซักนิด แต่ถึงจะไม่มั่นใจแค่ไหนคยูฮยอนก็คิดหนทางอื่นไม่ออกแล้ว
“เดี๋ยวครับ...ผม..บันนี่...ผม..ผมขอโทษ...” สิ้นถ้อยคำของคยูฮยอนที่กลั้นใจเอ่ยออกไปจนหมด...ซองมินถึงกับนิ่งไป ใบหน้าสวยที่คราแรกจะสะบัดหนีกลับชะงักค้าง ดวงตากลมโตหรุบลงต่ำ ร่างทั้งร่างๆที่เหมือนถูกกดปุ่มหยุดการทำงานของซองมินที่    คยูฮยอนวางใจ...จนนึกไปเองว่าคนตัวเล็กจะฟังเขา...
“.............” ประโยคแสนสั้นที่เอ่ยเพียงเท่านั้นของคยูฮยอนที่ทำเอาคนฟังชะงัก...ใบหน้าสวยของซองมินนิ่งสนิทไม่เอ่ยอะไรซักคำเดียว อากัปกิริยาที่คยูฮยอนเองก็ไม่ทันนึกว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน ร่างสูงถึงกับกลอกตาส่ายหัวไปมาเร็วๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรที่มันดีกว่านี้ ได้แต่พยายามละล่ำละลั่กเอ่ยสิ่งที่ตนคิดว่ามันดีที่สุดในตอนนี้ออกไป...
โดยที่คยูฮยอนคงไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่ตนเองกำลังพยายามทำนั้นมันอาจให้ผลในทางตรงกันข้าม...
“...ผม...อึก ผมขอโทษ..ทุกสิ่ง ทุกสิ่งที่ผมทำกับคุณมันไม่น่าให้อภัย ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วบันนี่ ผม..” คำกล่าวขอโทษที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คำกล่าวติดๆขัดๆจากคนที่มันไม่เคยต้องเอ่ยง้อใคร ไม่เคยต้องขอโทษใครมาตลอดชีวิต คำกล่าวที่คยูฮยอนคงไม่ทันคิดว่ามันจะทำให้เรื่องราวนั้นแย่...ยิ่งกว่าเดิม...
เพี๊ยะ!!!!!!!!!!!!!!
“โอ๊ยยย!!!!” คยูฮยอนที่กำลังจะเอ่ยปากพูดซ้ำถ้อยคำหลุดเสียงร้องเพราะความเจ็บปวดดังลั่น ในจังหวะที่เขากำลังจะเอ่ยปากคำขออภัย...ฝ่ามือเล็กสั่นเทาคู่เดิมที่ตวัดสุดแรงลงบนผิวแก้มฝั่งซ้ายของคยูฮยอนจนเลือดซึมมุมปากเพราะซ้ำรอยเดิม ผิวเนื้อสากที่แตกร้าวเพราะแรงตบสร้างความปวดแสบจนคยูฮยอนจนยกฝ่ามือขึ้นกุมมันอีกครั้ง ซองมินที่หอบแฮ่กจากการออกแรงตบแทบหมดตัว ดึงฝ่ามือสั่นสะท้านของตนกลับ ฝ่ามือเล็กอีกข้างตรงเข้ากอบกุมฝ่ามือข้างที่ตบคยูฮยอนจนหน้าหันเป็นรอบที่สอง...
...ใบหน้าหล่อเหลาที่แตกร้าวไปครึ่งซีกจากการตบซ้ำที่เก่าถึงสองหน หันไปมองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความตกใจ หัวสมองเต็มไปด้วยคำถาม ความสับสนวิ่งวนเข้าออกขวาไปซ้ายซ้ายไปขวาทั่วร่างสูงของคยูฮยอนอยู่เช่นนั้น กลีบปากได้รูปที่แตกช้ำอ้าปากจะถามก็ต้องชะงักค้างเพราะความแสบร้อนที่แล่นวาบเข้ามาจากคราบเลือดมุมปากจนต้องหุบปากนิ่ง ทอดสายตามองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจถึงการกระทำ เขาทำอะไรที่มันต้องห้ามอีกหรืออย่างไรกัน
...ซองมินลูบฝ่ามือเล็กอีกข้างของตนปลอบประโลมฝ่ามือข้างที่เจ็บของตน ใบหน้าสวยก้มต่ำน้อยๆ ส่ายหัวไปมาช้าๆจนเส้นผมสีเข้มที่ตกระข้างแก้มสะบัดปลิว กลีบปากอิ่มเผยอออกช้าๆ เปล่งถ้อยคำด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งขมขื่นที่คยูฮยอนต้องหยุดฟัง...
“...รู้มั้ยว่าสิ่งที่นายพูดเมื่อกี๊มันยิ่งกว่าการดูถูกชั้น...เมื่อคืนนั้น...ซะอีก...” ซองมินแค่นยิ้มลึก...ใบหน้าสวยค่อยๆเงยขึ้นช้าๆ เอ่ยตอกย้ำทีละคำให้มันชัดเจน สบดวงตากลมโตที่เคลือบแววน้ำกับดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถามของคยูฮยอน ท่าทีที่ซองมินรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่อาจโต้เถียงอะไรใดๆเขาได้ด้วยกลีบปากที่แตกร้าวเช่นนั้น
“...จะเลวก็เลวให้มันถึงที่สุด...ไม่ต้องมาแคร์ ไม่ต้องมาสนใจ คนอย่างชั้นมันไม่มีอะไรเหลือแล้ว...จะเอ่ยคำนั้นทำไม ชั้นไม่ได้ต้องการให้นายมาดูถูกกันมากกว่านี้อีกแล้วหรอกนะ...” ซองมินเอ่ยคำต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งขมขื่น...การแสดงออกซึ่งอารมณ์ที่ซองมินนั้นนิ่งจนน่ากลัว ร่างเล็กนั้นนึกอยากจะตะโกนใส่ปีศาจตรงหน้าให้สาแก่ใจ อยากจะเอาคืน อยากจะแก้แค้น อยากสร้างความเจ็บปวดร้าวฉานรุนแรงกลับคืนให้    คยูฮยอนบ้างเหมือนที่คยูฮยอนนั้นเคยมอบให้กับเขาเอง...
แต่บัดนี้ซองมินรู้แล้วว่าทำแบบนั้นไป มันก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย
...ตะคอกใส่มันคงไม่จำเท่าสั่งสอน...
...ช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ...เอาให้มันฝังลึกลงไปได้เลยมันคงดี...
“...คำขอโทษนั่น...คิดจะทำให้ชั้นกลายเป็นคนโง่อีกเพราะให้อภัยนายหรือไง...” ซองมินเบือนหน้าหนีพายุอารมณ์ที่มันหมุนวนอยู่ในใจ อาการโกรธที่มันโกรธจนซองมินไม่สามารถอธิบายได้อีกแล้ว ตวาดไปก็เท่านั้น ขืนแรงไปก็เท่านั้น ณ ตอนนี้สิ่งที่ซองมินทำไหวเพียงอย่างเดียวคือเอ่ยถ้อยคำในใจออกไปให้หมดสิ้น ให้มันจบสิ้นกันเสียที
“ไม่...คือ มันไม่ใช่...แต่ผม ผมทำผิดกับคุณ...” คยูฮยอนที่เอ่ยบอกติดๆขัดๆเพราะกลีบปากที่แตกร้าวและมีหยาดเลือดไหลซึมเอ่ยบอกละล่ำละลั่ก ก้อนเนื้อในอกซ้ายที่มันปวดแปลบ ทำไมกัน ทั้งๆที่ร่างเล็กไม่ได้ตวาดเขาด้วยแรงโมโหแค้นเคือง ทั้งๆที่คนตัวเล็กเพียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบขมขื่น ทำไมทุกคำพูดมันถึงเหมือนแทงเข้าไปในใจของคยูฮยอนขนาดนี้...
          ...ทำไม
            “...............เพิ่งสำนึกหรือไง...ว่าที่ทำลงไปตอนนั้นน่ะมันเลวร้ายแค่ไหน...” ซองมินเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ ดวงตากลมโตแดงก่ำทอดสายตามองร่างสูงตรงหน้าอย่างเจ็บปวด...น้ำเสียงสั่นสะท้านในลำคอเอ่ยต่อประโยคบางเบาเลือนราง น้ำเสียงที่คยูฮยอนทำได้แต่เพียงรับฟังด้วยหัวใจที่แสนเจ็บแสบ...
          เจ็บแสบจากการกระทำของตนเอง...
“...ถ้านายจะรับฟังชั้นซักนิด...รู้มั้ยว่าโลกใบนี้น่ะมันมีอะไรอีกหลายอย่าง...หลายอย่างที่มันใช่ว่าจะได้กันมาง่ายๆ...” น้ำเสียงหวานเอ่ยทิ้งระยะห่างไปนิด ซองมินยิ้มเจ็บปวดบางๆเมื่อเห็นว่าคยูฮยอนนั้นรับฟังทุกคำพูดของเขา...กลีบปากเล็กจึงเอื้อนเอ่ยต่อไป ซึ่งก็ทำเอาหัวใจคนฟังราวกับถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ
“...หนึ่งในนั้น...คือหัวใจของคน......” ...ซองมินกลั้นใจเอ่ยคำพูดที่มันติดค้างในใจออกมาจนหมด...คำกล่าวที่ฝังลึกอยู่ในใจซองมินตั้งแต่ครั้งนั้น...ครั้งที่เขาโดนทารุณ...คำกล่าวที่พอตัวเองพูดจบก็เหมือนมีอะไรมาบีบรัดแน่นที่หัวใจ ความทรงจำที่ตีวนซ้ำไปถึงเรื่องราวที่แสนเลวร้าย...เวียนวน...
“...............” คยูฮยอนที่ทำได้แต่เพียงเบิกตากว้าง ดวงตาคมกริบสั่นระริก ร่างทั้งร่างชะงักค้างประจันหน้า จ้องตากับคนตัวเล็กอยู่เช่นนั้น...อยากจะเถียงอะไรก็ไม่อาจทำได้ ท่าทางของคยูฮยอนที่ซองมินส่ายหัวไปมาเบาๆ แค่นยิ้มอย่างสมเพชในชะตาชีวิตของตนเอง น้ำเสียงหวานสั่นพร่าเอ่ยต่อท้ายประโยคของตนเองที่ทิ้งค้างเอาไว้ให้ร่างสูงได้ฉุกคิดตาม...
...อยากให้คยูฮยอนรับรู้มันเสียบ้าง...ซักนิด...ก็ยังดี...
“...กลับไปคิดซะ...ถ้านายเป็นชั้น...ถ้านายเป็นคนที่จู่ๆก็ถูกใครที่ไหนก็ไม่รู้มาทำร้าย...มาพูดจาดูถูกเหยียดหยามใส่...มาใช้กำลังเข้าข่มเหง...มาทำลายสิ่งที่ตัวเองเฝ้ารักษาไว้...พอบทจะสำนึกขึ้นมาก็เอ่ยคำขอโทษง่ายๆ...คำขอโทษที่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นมาเลย...” ซองมินหัวเราะขื่นๆในลำคอ หยาดน้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะลงมาอีกหนที่ซองมินไม่คิดจะใส่ใจจำ
“......นายจะรู้สึกยังไง...” ดวงตาคู่สวยทอดมองลึกลงไปในตาของร่างสูง เอ่ยคำถามสั้นๆที่เหมือนทุ่นระเบิดเวลาฝังลึกลงไปในจิตใจของคยูฮยอน...
“...อย่าดูถูกคนที่ภายนอก...คนอย่างชั้นมันไม่ได้ดีเด่มาจากไหน...ชั้นเป็นแค่โฮสต์...เป็นแค่อีตัวต่ำๆสำหรับนาย...แต่ชั้นไม่ใช่ของเล่นของใคร...ชีวิตชั้นมันไม่ได้ถูกสร้างให้ใครมาย่ำยี...”
...ไหล่ลู่เล็กบางของซองมินสั่นสะท้าน...
“...ชีวิตชั้นไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้นายทำลาย...” สิ้นประโยคสุดท้ายที่ซองมินเอ่ยสั่งสอนคยูฮยอนอย่างเศร้าสร้อย ใบหน้าของคยูฮยอนชะงักค้าง เบิกตาโตกว้างอยู่เช่นนั้นกับถ้อยคำสุดท้ายที่ร่างเล็กทิ้งไว้ให้เขา...หากประโยคก่อนหน้านั้นของร่างเล็กคือคันศรที่สามารถแทงเข้าทะลุจิตใจของคยูฮยอนได้...ประโยคสุดท้ายของซองมินที่ทิ้งไว้ก็มีพลังเทียบเท่ากับปืนที่ยิงเพียงครั้งเดียวแล้วร่างทั้งร่างของคยูฮยอนระเบิดแตกกระจาย...
ถ้อยคำขมขื่นสั่นพร่า...สรรพเสียงที่เปล่งบอกเล่าเรื่องราวที่คงกลายเป็นบทเรียนราคาแพงของคยูฮยอน...
...บทเรียนราคาแพงที่มีค่าเทียบเท่ากับชีวิตทั้งชีวิตของลีซองมินผู้นี้...
“จบกันซะทีนะ ถือว่าเราหายกัน...ชั้นจะได้กลับห้องชั้นซะที...” ซองมินเอ่ยเสียงขมขื่น ช่วงตัวเล็กบอบบางคว้าเสื้อผ้าของฟิชชี่ที่กองระเกะระกะแถวนั้นแทนเสื้อผ้าที่ขาดเป็นริ้วของตัวเอง ก่อนจะสวมมันทางหัวทั้งน้ำตาเพราะพิษความเจ็บปวดมันตรงเข้าทำร้าย ท่ามกลางอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคยูฮยอนที่ทำได้เพียงมองแผ่นหลังสั่นสะท้านนั้นอย่างเจ็บปวด
“...ผม...ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ คุณอย่าทำแบบนี้สิ..ผมสำนึกผิดแล้ว อึก..มัน..” คยูฮยอนเอ่ยละล่ำละลั่กขอโทษอย่างคนใจเสีย...ชั่วชีวิตที่เกิดมา มันไม่เคยมีซักครั้งที่โจคยูฮยอนต้องเอ่ยขอโทษใครอย่างเป็นจริงเป็นจัง ไม่เคยซักครั้งที่จะต้องตกเป็นเบี้ยล่างใคร หากแต่วันนี้คนตัวเล็กที่หันแผ่นหลังสั่นสะท้านแสนบอบบางให้นั้น แทบจะลบประวัติศาสตร์ของคยูฮยอนไปโดยสิ้นเชิง
 “ชั้นบอกแล้วไงอย่าพูดคำนั้น...” น้ำเสียงหวานเอ่ยเรียบนิ่งเย็นยะเยือก...ท้ายประโยคที่คยูฮยอนยังทันฟังมามันสั่นระรัวน้อยๆ...
“......................” คยูฮยอนยืนนิ่ง ใบหน้าหล่อเหลาหันหนีไปอีกทาง ฝ่ามือสากกำแน่น...เจ็บใจตัวเอง...
“คำขอโทษยิ่งพูดยิ่งไร้ค่า...อย่าคิดว่าจะทำร้ายชั้นได้อีกเลย...โจวคยูฮยอน...” ซองมินก้มหน้าลงต่ำ ฝ่ามือเล็กเอื้อมบีบหัวไหล่มนของตนเองช้าๆราวปลอบประโลม คำพูดที่คนพูดไม่อาจจะทำได้ แล้วจะเอ่ยมันไปเพื่ออะไร...
...แล้วก้อนเนื้อในอกตอนนี้มันจะบีบรัดไปทำไม...กับเพียงแค่เอ่ยประโยคปฏิเสธร่างสูงตรงหน้านี้ให้ไปไกลๆตา...
“มันจะไม่มีวันนั้นอีก...ไม่มีวัน...” ซองมินหันมาเอ่ยเสียงสั่น แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นเท่าที่ร่างบอบบางจะมีได้ในตอนนี้ ในช่วงเวลาแบบนี้ที่มันเจ็บร้าวรานไปทั้งตัว...ทั้งใจ...
อย่าพูดอะไรที่มันทำไม่ได้...จริงๆ...
“โอ๊ย!!อึ้ก!!” ซองมินหลุดอุทานดังลั่นเมื่อปลายเท้าเล็กเหยียดบนพื้น เพียงแค่ยันตัวขึ้นยืนความเจ็บแสบของช่องทางด้านหลังที่ถูกรุกรานก็แล่นวาบขึ้นมาอีกครั้งจนน้ำตาเล็ด เสียงร้องที่เรียกให้ใบหน้าหล่อเหลาที่มีรอยตบอยู่ครึ่งซีกหันขวับไปหาคนตัวเล็กที่ยันกายอยู่ที่ปลายเตียงด้วยความเป็นห่วง ความเจ็บที่คยูฮยอนรู้ที่มาที่ไปดี...ร่างเล็กที่สอดแทรกแก่นกายของเขาเข้าไปในร่างกายตนเองอย่างไร้การปลอบประโลม...อาการที่ถ้าหากเป็นคยูฮยอนคนเดิมคงจะคิดไปแล้วว่าร่างเล็กนั้นร่าน อยากถูกกระทำจนตัวสั่น...หากแต่ในความ เป็นจริงแล้วมันไม่ใช่...
...เป็นตัวร่างเล็กเองที่เริ่มต้นกระทำด้วยความเจ็บ...ทั้งน้ำตา...
...ราวกับต้องการจะตอกย้ำซ้ำเติมความเลวร้ายของชีวิตตนเอง...ให้ยิ่งทับทวี...
บันนี่ ผม...อ่ะ!!” คยูฮยอนที่ตรงเข้าไปจะช่วยพยุงกลับต้องเซออกไป ด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของซองมินผลักออกร่างสูงออก ดวงตาแดงก่ำฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาถลึงตามองร่างสูงที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างเย็นชา...ฝ่ามือเล็กผละแผงออกกว้างนั้นออกไป จนคยูฮยอนหน้าเสีย แต่ลมหายใจหอบน้อยๆคล้ายคนจะเป็นลมตลอดเวลาของซองมินนั้นก็ทำให้คยูฮยอนไม่อาจมองข้าม ช่วงตัวสูงใหญ่จึงเคลื่อนกายเข้าหาหมายจะประคองไหล่เล็กนั้นขึ้น การกระทำที่คนจนตรอกอย่างคยูฮยอนทำได้ในตอนนี้...เขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น...คำขอโทษที่เอ่ยไปไม่ถึงจิตใจ...การกระทำที่แสดงออกว่าเจ็บแค้นเคือง...
...หัวสมองตื้อตัน มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่กระจ่างชัดในใจคยูฮยอน คือเขาเป็นห่วงคนตรงหน้านี้เหลือเกิน...ความรู้สึกที่ส่งผ่านการกระทำแสนห่วงใย...
...แม้ว่ามันจะสายไปแล้วสำหรับซองมินก็ตาม...
“อย่ามาจับตัวชั้น!” ซองมินที่บัดนี้เอ่ยบอกเสียงสั่น ก่อนผลักร่างสูงออกไปอีกเมื่อคยูฮยอนนั้นตั้งท่าจะเอื้อมคว้าไหล่บอบบางของตนเองไว้ รวบรวมกำลังแทบหมดตัวผลักออกอีกครั้งเมื่อเห็นว่าสัมผัสจากมือใหญ่นั้นไม่ยอมรามือ
แซ่กกกก!!!!!
ซองมินกลั้นใจตวัดฝ่ามือทั้งสองข้างเต็มแรง เสียงแคว่กของผิวเนื้อที่กรีดดังขึ้นตรงหน้าจนซองมินเงยหน้าขวับขึ้นมามองอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นได้ชัดเจนว่าบัดนี้ใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายตรงหน้าที่ถูกซองมินตบจนช้ำไปครึ่งซีก บัดนี้มีรอยเล็บเป็นทางยาวข่วนซ้ำที่ซีกหน้าซีกเดิม
“อึ้ก!! ซี๊ดดดดด อะ” คยูฮยอนเองก็ตกใจไม่น้อย ช่วงตัวสูงถอยห่างออกมาก้าวหนึ่ง ฝ่ามือสากเลื่อนขึ้นเกาะกุมเบาๆที่แก้มสากของตนเองที่บัดนี้ขึ้นสีช้ำและแผลข่วนเลือดซิบเป็นทางยาวอย่างน่ากลัวจนซองมินชะงัก ย่างก้าวเล็กเกือบจะถลาเข้าไปหาดูอาการ หากแต่ราวกับมีบางสิ่งดึงรั้งซองมินไว้...
ถ้าเทียบกับเขาแล้ว...ความเจ็บแค่นี้มันจะซักเท่าไหร่...
“...ชั้นเคยเจ็บ...กว่านี้” ใช่ว่าซองมินจะไม่ตกใจในการกระทำของตนเองเลย แต่คนร่างเล็กก็เลือกที่จะกัดฟันพูดเย้ยหยันตอบ ความเป็นจริงที่ต่างคนต่างรู้กันว่าใครกันแน่ที่เจ็บกว่ากัน...
...ความเจ็บที่เขาเจอมันมากกว่านี้...
...มันมากพอที่จะทำลายชีวิตทุกอย่างของซองมินให้พังลงไปกองต่อหน้าต่อตา...
ช่วงขาขาวเรียวขยับก้าวเดินอีกครั้ง...ทุกย่างก้าวปวดแปลบแต่ซองมินก็ได้แต่กัดฟันทน เขาตัดสินใจไปแล้วทั้งคำพูดและการกระทำที่จะไม่ให้คนๆนั้นเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตเขาอีก สิ่งที่ซองมินกำลังพยายามบอกตัวเองให้เป็นไปโดยที่ผลักความรู้สึกอีกความรู้สึกหนึ่งออกไปโดยสิ้นเชิง
...ความรู้สึกวูบโหวงในอกข้างซ้าย...เพียงเพราะสายตานั้นของคยูฮยอน...ที่มองกลับมา...
สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดติดตรึง ฝังแน่น...ในใจ...
“รู้จักซะบ้างนะ ว่ารสชาติของความเจ็บปวดน่ะ...มันเป็นยังไง...” ซองมินก้าวผ่านไหล่กว้างที่ยืนอึ้งงอตัวด้วยความเจ็บแสบอยู่ตรงหน้าไปยังประตูทางออก น้ำเสียงหวานเอ่ยทิ้งท้ายสั่นพร่า ฝ่ามือเล็กกำแน่นที่เสื้อเหนืออกข้างซ้าย ราวบังคับหัวใจที่มันบีบรัดตัวให้มันคลายออก ความเจ็บที่แผ่ซ่านขึ้นมาที่ซองมินไม่อยากจะคิดถึงมัน ไม่อยากรับรู้เหตุผล ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น เสียงปิดประตูลงท้ายดังในชั่วเสี้ยววินาทีพร้อมกับเสียงการเคลื่อนไหวของเนื้อตัวอ่อนล้าที่ก้าวออกห่างไปไกล...
...คล้อยหลังแม่ดาวคนสวยที่ร่ำไห้กับชีวิตที่ถูกทำลายของตนเอง ร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกทิ้งไว้ในห้องกว้างแสนสุดหรูเพียงคนเดียวยืนนิ่ง ฝ่ามือสากสองข้างที่เคยกำแน่นยามระบายอารมณ์ บัดนี้คลายออกอย่างไร้แรงต้านทาน การควบคุมร่างกายที่สูญเสียไป...
...มันเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่การมีเซ็กส์กับใครซักคนสร้างความเจ็บปวดให้     คยูฮยอนได้ขนาดนี้...ทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนที่ถูกทำร้าย ไม่ใช่คนที่ถูกทำลาย ไม่ใช่คนที่ถูกใช้ร่างกายรองรับอารมณ์...
ครั้งแรกที่หัวใจแสนเย็นชาและแกร่งกล้าของคยูฮยอนถูกบีบรัด...แทบขาดใจ...
ช่วงขายาวทรุดลงนั่งช้าๆก่อนคว้าเครื่องแต่งกายของตนเองมาใส่ด้วยความอ่อนแรงและยากลำบาก เรี่ยวแรงที่เคยมีมันหดหาย ฝ่ามือสากสองข้างที่เคยกำชัยชนะไปทั่วทุกแห่งหนบัดนี้เลื่อนมากุมเบาๆทั่วใบหน้าของตนเองอย่างไม่เกรงความเจ็บปวดที่มันกำลังทับทวี ปลายนิ้วที่แทบจะกดลึกลงไปในผิวเนื้อสาก ซ้ำๆย้ำๆความเจ็บปวดลงไป แรงสั่นเบาๆจากไหล่กว้างที่สะท้านสะเทือนไหวราวทำนองดนตรีแสนเศร้า...
แปะ
...หยาดน้ำสีใสตกกระทบผืนพรมสีสว่างช้าๆ เพียงหยาดหยดเดียวที่พรั่งพรูเล็ดรอดฝ่ามือกว้างที่ปิดหน้าปิดตา เสียงครางสะอื้นเบาๆที่ค่อยๆเปล่งจากลำคอแกร่ง เนิบช้า...หนักแน่น...เจ็บปวด...
น้ำตาลูกผู้ชายคนหนึ่ง...ที่หลั่งออกมาอย่างไม่อายฟ้าดิน...
มันคือโทษทัณฑ์ของเขา....
โทษร้ายแรงที่เขาทำลายชีวิตของคนๆหนึ่งให้พังราบเป็นหน้ากลอง...
ช่วงขายาวผุดลุกขึ้นช้าๆ ย่างก้าววูบโหวงเหมือนถูกกระชากวิญญาณ ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าวคยูฮยอนก็มีอันต้องสะดุดเซเกือบล้มเมื่อปลายเท้าไปเกี่ยวพันกับสิ่งๆหนึ่ง...เศษผ้าสีขาวเป็นริ้วที่คยูฮยอนจำได้ดีว่าใครเป็นเจ้าของมัน ดวงตาคมเบิกขึ้นมองเจ้าสิ่งนั้นช้าๆก่อนจะหลับลง เบือนใบหน้าหนีภาพหลอนตรงหน้าที่ยากจะลืมเลือน ช่วงขายาวเหมือนถูกสูบเรี่ยวแรง ก้าวเซถอยหลังจนข้อพับเข่าชนเข้ากับฟูกเตียงใหญ่ ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทรุดนั่งลงไปที่เดิมช้าๆ...อีกครั้ง...
“......ฮึก...”
...เสียงร่ำไห้เปล่งเบาแสนเบาจากลำคอแกร่ง...คยูฮยอนทรุดตัวลงยกแขนขึ้นเท้าเข่าปิดหน้าด้วยฝ่ามือสากคู่เดิมที่บัดนี้กำลังเปรอะเปื้อนด้วยทางน้ำใสไหลบ่าลงมาเป็นทาง หยาดน้ำตาที่ไม่เพียงร่วงเผาะลงมาเม็ดน้อยๆเหมือนเมื่อครู่ หากแต่คราวนี้มันกลับเอ่อท่วมทั่วดวงตาคมทั้งสองข้างที่ปิดลง...เฉลิมฉลองความโง่เง่าให้กับตนเอง...
“...มึงมันโง่คยูฮยอน” เอ่ยเพียงไม่กี่คำก่อนที่จะก้มหน้าหนีความอับอายที่ไม่มีใครมองเห็นอีกครั้ง...ความอับอายที่คยูฮยอนไม่ได้เสียมันให้ใครแต่เสียมันให้ตนเอง...น้ำตาที่มีมันหลั่งให้กับความผิดพลาด ความเลวร้าย การกระทำต่ำช้า ทุกสิ่งทุกอย่างที่ คยูฮยอนทำ...
...สิ่งที่มันไม่มีวันแก้ไขได้...
ใช้ชีวิตมาทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ผ่านความทรงจำ แวะฝากรอยแผลและความเจ็บปวดให้ผู้คนต่างๆมากมาย เจอกับหลายสิ่งหลายอย่าง บางอย่างที่เจอซ้ำๆอยู่อย่างนั้นหรือกระทั่งบางสิ่งที่ไม่เคยประสบพบเจอ...แต่คยูฮยอนเพิ่งจะเข้าใจถึงบางอย่าง เพิ่งจะรับรู้มันก็วันนี้...
รอยแตกของผิวแก้มที่ถูกซัดกระหน่ำ รอยฉีกของผิวเนื้อที่ถูกปลายเล็บกรีดลงลึกใส่ ความเจ็บทางกายที่มันไม่ได้ระคายเคืองหัวใจของคยูฮยอนเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงเพราะภาพหลอนของใบหน้าสวยที่เปรอะไปด้วยหยาดน้ำตากับคำพูดที่ทิ่มแทง ความแหลกเหลวของสิ่งมีชีวิตแสนบริสุทธิ์ชีวิตหนึ่งที่คยูฮยอนทำลายมันลงไปด้วยความคึกคะนองขาดสติ ซึ่งถ้าในตอนนั้นคยูฮยอนได้ฉุกคิดและฟังคลื่นเสียงของหัวใจซักหน่อย  คยูฮยอนคงจะไม่ทำแบบนี้...จะไม่ทำร้ายคนที่คยูฮยอนเพิ่งรู้...เพิ่งรู้จริงๆว่าเป็นครึ่งหนึ่งของหัวใจเขา...ขนาดนี้
...พึ่งจะรู้ว่าความเจ็บปวดที่แท้จริง...มันเป็นแบบนี้...
...พึ่งรู้...จริงๆ...
...คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รับรู้ความรู้สึกเบื้องลึกในใจของชายหนุ่มร่างสูงผู้มีชื่อว่าโจวคยูฮยอน...
...ภายใต้การกระทำภายนอกที่มองทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาเป็นเกมส์...สิ่งที่มันหยั่งรากฝังลึกอยู่ในใจของคยูฮยอน ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ที่ถ้าหากมองให้ลึกลงไปอีก ผู้ชายที่ชื่อโจวคยูฮยอนนั้นก็แค่เด็กไม่รู้จักโตคนหนึ่ง...แค่เด็กที่โหยหาความรัก เด็กที่ร่ำร้องหาอะไรที่ตัวเองไม่เคยได้รับมา...ไม่รู้กระทั่งวิธีที่จะไขว่คว้าหามัน ไม่รู้วิธีประนีประนอม ถนอมน้ำใจ ไม่รู้กระทั่งว่าควรจะทำอะไรให้คนที่รัก ควรจะทำยังไงให้เขามอบความรักกลับมา...เกมส์ที่เล่นมาตลอดชีวิตยี่สิบกว่าปีของเขา...เกมส์ที่ลึกลงไปในใจเจ้าตัวนั้นพึ่งจะรู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเกมส์นั้นมันคืออะไร...
เคยได้ยินว่าความรักมันเติมเต็มหัวใจคนได้...ก็เลยอยากจะสัมผัสมัน...ซักครั้ง...
ก็แค่อยากรู้ว่าถึงที่สุดแล้ว...ความหมายของสิ่งที่เรียกว่าความรัก...มันคืออะไร...
ทำไมมันยากนัก กับการไขว่คว้าหัวใจของใคร...ซักคน...
...ยาก...จริงๆ...

กลับบ้านฟิคจ้ะ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น