วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

The XXX Project แรง ยั่ว มั่ว เซ็กส์ : รัก...KIHAE by Little"




The XXX Project

“..รัก..”

Kim Kibum & Lee Donghae



 ♥ขอ Talk หัวตอนละกันน้า ♥

        เป็นตอนสุดท้ายของคิเฮแล้ว ซึ่งบอกตามตรงว่าแม้จะมีการเขียนสเปไปแล้วแต่เติ้ลก็ยังอยากเขียนเรื่องนี้ ต่อ เพราะรู้สึกอารมณ์ยังไม่จบมากๆ 5555 XD หรือเราเป็นพวกรักความรุนแรงหว่า? ในบรรดาโปรเจคที่เขียนกับ GCML เติ้ลชอบคิเฮใน XXX สุดแล้ว บอกจากใจเลยว่าพยายามเกาให้เนื้อหาและภาษามันไม่ดูน่าเกลียดและดูโหดจนเกินไปเท่าที่จะทำได้แล้ว จริงๆต้นฉบับก่อนแก้เขียนแบบจัดเต็มมาก Y^Y แต่กลับรับไม่ได้กันเลยเกาๆให้มันเบาลงมาซึ่งก็เป็นอย่างที่เห็นๆกันไป 

     ไม่ว่าจะ XXX หรือว่าเสียวเรียลลิตี้ เติ้ลพยายามเขียนเต็มที่แล้วเท่าที่ตัวเองจะทำได้ คือฝีมือมีแค่นี้ อาจจะไม่ถูกใจใครต่อใครนักอันนี้ขอโทษด้วยนะจ๊ะ YY  บอกตามตรงว่ากดดันมากกกกกกก 5555 กับการที่ต้องเขียนคู่คิเฮ เพราะการแต่งของเติ้ลคือไม่มีการวางพลอตล่วงหน้านึกอะไรได้ก็เขียน เลยทำให้เนื้อหายังมีช่องโหว่อยู่เยอะแยะ แต่เติ้ลคิดว่ามันคือสไตล์ของเติ้ลนี่แหละ เพราะถ้าหากเติ้ลทำตามแบบที่คนอื่นทำกันความเป็นตัวเติ้ลแบบนี้มันก็จะหายไป ขอบคุณมากนะจ๊ะสำหรับคนที่ติดตาม ขอบคุณที่ให้กำลังใจ คงไม่มีอะไรจะตอบแทนให้นอกจากคำว่า...รัก  ขอบคุณมากจริงๆจ๊ะ ^^ 

ปล...ปกติเติ้ลไม่เคยซีเรียตเรื่องคอมเม้นแต่ถ้าใครอยากแสดงความคิดเห็นเติ้ลรบกวนไปเม้นที่บ้านเสียว ตอนสุดท้ายของคิเฮนะจ๊ะ (ลิงค์อยู่ข้างล่างนะนิ๊)  แล้วจะไปตามอ่านให้ครบทุกเม้นเลยขอบคุณมากจ้า ^^  




++++++++++++++++

 
            ควับ! เพี๊ยะ!’

            “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!” เสียงร้องโหยหวนดังกังวานเคล้าเสียงหวีดหวิวของบางสิ่งที่ตะหวัดแหวกว่ายไปในอากาศ ใบหน้าบิดเบี้ยวของร่างชายผู้ถูกทารุณส่งกลิ่นคาวของเลือดที่สาดกระเซ็นยาวความคมของปรายเชือกนั้นฟาดทาบทับจนเนื้อกายเปิดปากแผล

            “แหกปากออกมาสิ! ร้องอ้อนวอนขอให้ฉันหยุดออกมาดังๆ!! ” ใบหน้าหวานแข็งกร้าวเหวี่ยงมือที่กอบกุมด้ามแข็งยกแขนวาดไปมาในอากาศครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเหวี่ยงแส้ลงไปบนร่างกายของชายที่เข้ามาเป็นทาสคนใหม่ของตนด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อระบายความหงุดหงิดที่มันสุมก่อตัวกันไม่รู้จักหายไปเสียทีนับวันมีแต่จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นจนหัวใจเขาอึดอัดแทบจะระเบิดเป็นจุล

            ความรู้สึกที่สับสนตีรวนจนทำให้เขาหงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็น

          “พะ...พอแล้วคุณฟิชชี่ อั่ก!!

          “ร้องออกมา!! ฉันบอกให้แหกปากออกมาให้ดังกว่านี้ไง!!!

          “พอแล้วครับ อ๊ากกกกกก หยุด ถะ ...” เสียงร้องขาดหายไปในทันทีเมื่อผู้ที่ถูกทรมานสติวูบดับลง ดงแฮเดินเข้าเข้าไปหาร่างที่ยืนคอพับไร้สติใช้มือจิกเข้าที่กลุ่มผมดึงให้ใบหน้านั้นแหงนขึ้นมาก่อนจะสะบัดมันลงกลับที่เก่าเมื่อเห็นว่าทาสที่แสนงี่เง่าไม่ได้เรื่องคนนี้หมดสติ

            “ลากมันออกไป!!  เสียงเกรี้ยวกราดดังสนั่นของหน้าหวานทำให้เหล่าการ์ดที่ถูกเรียกรีบวิ่งมาปลดข้อมือของชายผู้ที่ยืนสลบเลือดอาบเพราะถูกจับขึงอยู่กับโซ่ตรวนทั้งสองข้างแล้วรีบลากออกจากห้องของร่างบางที่ตามตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของชายผู้เคราะห์ร้ายที่สาดกระเซ็นมาโดนตัว

            ร่างบางเขวี้ยงด้ามสีดำยาวลงบนพื้นอย่าไม่ใยดีก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงในห้องนอน...หงุดหงิด!!   ทั้งที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบทั้งที่ได้ทรมานคนอื่นแบบที่เคยทำมาตลอดแต่ทำไมถึงได้หงุดหงิดแบบนี้!    มันขัดหูขัดตาไปเสียทุกอย่างไม่ว่าจะเสียงร้อง ใบหน้า กลิ่นเลือดและคำเว้าวอน ทั้งที่มันคือสิ่งที่เขาอยากเห็นอยากสัมผัสแต่พอลงมือแล้วกลับยิ่งเห็นยิ่งได้ยินก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นทวีคูณคงเพราะตัวเขาเองเห็นแต่ใบหน้าของเจ้าสัตว์เลี้ยงไม่รักดีที่อาจหาญตีจากเขาไป

            “บ้าจริง! ทำไมฉันต้องไปคิดถึงนายด้วยนายมันก็แค่ลูกหมาเป็นแค่สัตว์เลี้ยงที่ไม่รักดี! ทั้งที่เป็นได้แค่นั้นแต่ทำไมหัวใจฉันถึงร้องเรียกหาแต่นายกันคิม คิบอม!” หัวใจมันปวดแปลบพิกลดงแฮไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไรแต่มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่ใบหน้าคมผุดขึ้นมาในความคิดได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่คอยออดอ้อนและเรียกชื่อของตนยามมีเซ็กส์หรืออีกฝ่ายต้องการที่จะเอาใจ

          ขอจูบ...ได้มั้ยครับ?
          ผมคิดถึงคุณจังขอกอดหน่อยสิครับดงแฮ
          อะ อา~ ดงแฮ สะ..สุดยอดเลยครับ
          ผมอยากครางให้คุณฟัง..อยากได้ยินเสียงหวานๆของคุณด้วย เซ็กส์กันนะครับที่รัก

            ถ้าผมคือคนที่เกิดมาเพื่อคุณ...คุณก็คือคนที่ผมตามหา รักคุณนะครับที่รัก..

            “ฮึก! บ้าที่สุด….  สองเดือนเต็มที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคนที่เกิดมาเพื่อกันและกันหายไปราวกับเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นนึงของเขาเท่านั้น รอบกายที่เคยทีร่างสูงคอยมาคลอเคลียเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่าและอากาศที่มองไม่เห็น ดงแฮได้แต่ให้ปล่อยความอึดอัดเจ็บปวดที่ก่อตัวสาดสัดกระหน่ำอยู่ภายในใจไหลแทรกเปลือกตาสวยที่เคยมีคนคอยบรรจงจูบพรมมันยามเสร็จสมในบทแห่งรัก 

เนิ่นนานเหลือเกิน...มันนานเสียจนเขาลืมไปแล้วว่าตัวเองนั้นร้องไห้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่จนวันนี้...ตอนนี้...วันที่เขาต้องสู้กับความรู้สึกที่เหมือนหัวใจมันถูกกระชากให้ฉีกขาดออกจากกันยิ่งนึกถึงคำพูดสุดท้ายของคนที่เดินหันหลังจากไปยิ่งทรมานเกินกว่าจะรับไหวได้แต่ทุบกำปั้นทั้งสองข้างลงกับเตียงกว้างที่เคยมีคนนอนโอบกอดตนยามวันวาน

“ลาก่อนครับ...ดงแฮ”

น้ำเสียงที่กล่าวลาและคำเรียกขานที่รู้สึกได้ถึงความรักยังคงถูกตอกย้ำเข้าไปในความทรงจำ ทั้งที่เข็มนาฬิกาเดินไปข้างหน้าทั้งที่วันเวลาผ่านพ้นไป แต่เหมือนหัวใจมันยังคงหยุดยืนอยู่ที่เดิม เขายังคงจำได้ดีกับเสียงของปลอกคอที่เขาใส่ให้ร่างสูงกระทบลงกับโต๊ะหัวเตียงและเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆเงียบลง

'ผมรักคุณ...ผมรักคุณนะ

“ฮึก ฮืออ...” เสียงสะอื้นดังก้องคิดถึงไออุ่นที่เคยโอบอุ้มและสัมผัสที่แสนอ่อนโยนของคนที่เดินหันหลังจากไป  ดงแฮรู้สึกเหมือนลมหายใจขาดห้วงราวกับก้อนเนื้อที่อกด้านซ้ายมันกำลังจะหยุดเคลื่อนไหวทั้งที่เคยตั้งสัญญากับตัวเองไว้ในวันที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองว่าจากนี้ไปชีวิตนี้เขาจะไม่ยอมเสียน้ำตาให้กับทุกๆสิ่งไม่ว่าจะเจอเรื่องที่ทำให้เสียใจแค่ไหนก็จะไม่มีวันกลับไปเป็น ลี ดงแฮ ที่อ่อนแอ 

แต่วันนี้มันปวดร้าวยิ่งกว่าครั้งนั้น..เจ็บจนอยากดับลมหายใจเพื่อหนีความจริงที่ต้องเผชิญกับมัน...เพียงเพราะคำว่า “รัก” คำๆเดียวแต่ทำไมถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้... 

ทั้งที่คนที่ทำร้ายเขาให้เจ็บปวดใจให้ออกไปให้พ้นจากชีวิตแล้วแท้ๆแต่ทำไมกลับยิ่งทรมานยิ่งโหยหาคนคนนั้น...ทำไมกัน

หน้าอกด้านซ้ายมันวูบโหวงเหมือนบางอย่างมันหายไปตั้งแต่วันที่คิบอมจากไปเขากลับมาเป็นเด็กขี้แยอ่อนแอที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งร้องไห้จนพล่อยหลับไปทุกคืน...เขาคิดผิดที่คิดว่าตอให้ขาดร่างสูงไปเขาก็อยู่ได้และสักวันเรื่องของคิบอมก็คงจางหายไปกับวันเวลา...แต่มันไม่ใช่เลย


คิดถึงจนแทบบ้า...
คิดถึงใบหน้าคมของคนที่คอยเอาใจ....
คิดถึงอุ่นไอยามที่อีกคนซุกไซ้โอบกอด....
อยากย้อนเวลากลับไปหากทำได้เขาจะไม่มีวันผลักไสให้คนที่เขารักนั้นจากไป...


ใบหน้าหวานที่ไร้ความรู้สึกตั้งแต่วันที่ได้สูญเสียสิ่งสำคัญไปราวกับสูญเสียจิตใจไปพร้อมกับคนที่จากลา ร่างบางเอนหลังพิงพนักโซฟาที่อยู่หลังม่านรอเวลาออกไปโชว์ตัวในงานปาร์ตี้ของค่ำคืนนี้ที่ถูกจัดขึ้นทุกวันที่ 13 ของแต่ละเดือนก่อนจะเดินไปใช้มือแหวกม่านออกเล็กน้อยเพื่อกวาดสายตาลงไปยังโถงด้านล่างมองหาคนที่เขาหวังว่าจะเห็นนั่งอยู่ในมุมไหนสักแห่งแต่ก็เป็นเพียงแค่ความหวังลมๆแล้งๆที่เขารู้ดีว่าไม่มีทางที่จะได้เห็นคนๆนั้นอีกต่อไป

“คิ..บอม” เสียงหวานแววรำพันย้อนนึกถึงวันที่ได้เจอกับร่างสูงครั้งแรกที่ห้องโถงด้านล่าง ในความมืดที่แสงไฟถูกดับลงเขาสังเกตเห็นเงาของใครบางคนที่ลุกขึ้นยืนในอยู่แถบโซน VIP ทำท่าทางเหมือนจะเดินออกจากงานในขณะที่เขากำลังจะเปิดตัวดงแฮจึงตรงดิ่งไปกดไหล่หนาให้นั่งลงตามเดินตั้งใจว่าจะเล่นงานคนที่ไม่รู้จักกาลเทศะว่าไม่ควรที่จะลุกหนีกลับกลางคันเพราะมันเหมือนกับฉีกหน้าเขาต่อคนนับร้อยตา

แต่เจตจำนงกลับเปลี่ยนทิศทางทันที่แสงไฟสว่างวาวเผยให้เห็นใบหน้าตื่นๆปนตกใจของคนที่ตนกำลังโอบคอเจ้าตัวจากทางด้านหลัง  ดวงตาสีนิลขลับดูลึกลับที่ประดับอยู่บนใบหน้าคมสันสะกดแววตาของเขาให้หยุดนิ่งชั่วขณะ หากนั่นคือจุดเริ่มต้นของคำว่ารักมันก็คงเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเรียกว่า “รักแรกพบ”  

“น่าสมเพชชะมัด...ทำเป็นพูดสอนซองมินแต่ตัวเองเอาตัวไม่รอด หึ!” นี่หรือสภาพของดาวแห่งแพลตตินั่มมานั่งคร่ำครวญหาผู้ชายช่างน่าทุเรศเสียจริงๆ 

รอยยิ้มเหยียดหยันแต้มมุมปากมอบมันให้กับตัวเองที่ทำตัวไม่สมกับจุดยืนก่อนจะแหวกม่านออกไปยังชั้นลอยเมื่อเสียงประกาศของพิธีกรเอ่ยชื่อของเขาเป็นลำดับสุดท้ายดั่งเช่นทุกๆครั้งที่จัดงาน 

            “วันนี้ฉันไม่รับแขก...” มือเรียวเดินไปแย่งไมค์จากพิธีกรกรอกเสียงลงไปบอกให้เหล่าชายหนุ่มที่ยืนรอลุ้นระทึกเหมือนถูกหินหล่นทับ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่อยากเจอใครไม่อยากทรมานใครนอกจากผู้ชายคนเดียวที่สอนให้เขารู้จักคำว่ารัก หน้าหวานส่งไมค์คืนให้กับเจ้าของแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปที่หลังม่านทันทีสร้างความกังหาให้กับทุกชีวิตที่ส่งเสียงเซงแซ่ลั่นห้องโถงกว้าง

            เพราะฟิชชี่ไม่เคยปฏิเสธงานเลือกลูกค้า ตั้งแต่ขึ้นมาเป็นดาวของตึกแพลตตินั่ม

            “ด๊องขอโทษนะฮะพี่อีทึก” เสียงหวานเอ่ยกับเจ้าของคลับผู้มีพระคุณกับตนด้วยประโยคสั้นๆก่อนจะเดินดิ่งกลับไปยังห้องนอนของตัวเองทันที 

            ถึงแม้จะมีคนที่ดีกว่าแต่ก็ทดแทนกันไม่ได้..ไม่มีใครจะมาแทนที่เจ้าลูกหมาขี้อ้อนที่ชื่อคิบอมได้อีกแล้ว
“ฉันอยากได้ยินมันสักครั้ง...อยากได้ยินคำว่ารักจากปากนายอีกสักครั้ง ฮือออ~” หยดน้ำตาพร่างพรูไหลลู่ลงตามใบหน้า สองมือกำปอกคอที่ร่างสูงทิ้งเอาไว้ให้รู้เรื่องราวของเรานั้นมันจบลง ดงแฮยกมันขึ้นมาทาบอกก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นเย็นสิ้นแรงค้ำยันกายได้แต่เรียกชื่อของคนที่ต้นไล่ไปซ้ำจนคนที่แอบมาดูเพราะเป็นห่วงนั้นถึงกับสลดใจ

ถ้าไม่มีนายอีกคนพี่คงเหงาน่าดูเลยนะดงแฮ...

.
.
.

            อย่าทิ้งเจ้านั่นล่ะ...       

            เสียงของมาสเตอร์ที่เขาเคยเล่าเรื่องราวของคนที่ตนสันสินใจจากมาดังขึ้นซ้ำๆราวกับมันถูกตั้งให้เล่นกลับไปมาหลับตาลงนึกถึงใบหน้าของคนที่เขาตัดสินใจจากมา เพราะมันเจ็บเกินกว่าจะมองหน้ากันได้อีกต่อไป พึ่งจะเข้าใจความรู้สึกอึดอัดบ้าๆที่ไอ้คยูมันเคยพูดพร่ำให้ฟังก็วันนี้...ไม่เจอกับตัวไม่รู้เลยว่ามันทรมานขนาดไหน

            ฉันเจอเจ้าเด็กนั่นเมื่อ 2 ปีก่อน....วันนั้นฟ้าก็มืดครึ้มแบบนี้นั่นล่ะ ฉันเอาของไปส่งให้กับเจ้าอีทึกเหมือนๆเดิมที่ทางตึกนั้นเป็นสั่งเป็นประจำ กลับมาถึงก็เห็นเจ้านั้นมานอนขดตัวอยู่หน้าร้านของฉันเนื้อตัวมีแต่แผลเต็มไปหมดฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันไปเจออะไรมาแต่คงจะฝังใจกับมันน่าดู ฉันเลยอุ้มมันเข้ามาข้างในเช็ดเนื้อเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ พอมันฟื้นขึ้นมาก็ร้องลั่นฉันจะเข้าไปจับตัวมันๆก็สะบัดออกแล้วนั่งตัวสั่นพูดแต่ว่า..ผมกลัวแล้ว..ผมกลัวแล้วครับ….

หลายเดือนกว่ามันจะยอมให้ฉันเข้าใกล้เหมือนลูกหมาถูกทิ้งที่ไม่เชื่อใจคนอีกต่อไปยังไงยังงั้นเลยล่ะ เพราะมันบอกว่าไม่มีที่ไปฉันเลยให้มันอยู่ที่นี่จนอีทึกเจ้าของตึกแพลตตินั่มมาหาฉันแล้วเจอเจ้านั้นก็เลยขอไปเป็นเด็กที่คลับ จากนั้นมันก็หายไปไม่ได้ติดต่อกลับมาเป็นปีๆจนมันกลับมาเจอฉันอีกทีก็ตอนที่เป็นดาวของที่นั่นไปแล้วเปลี่ยนจากเด็กขี้แยที่เอาแต่ร้องไห้ราวกับเป็นคนละคน...แค่มองแวบเดียวฉันก็รู้แล้วว่านายเป็นคนสำคัญและจำเป็นสำหรับเด็กคนนั้น..

            ร่างสูงนั่งนึกย้อนถึงวันวาน...เหตุผลที่เขาอยากจะป้องป้องร่างบางนอกจากคำว่ารักก็คือเรื่องที่เขาได้ฟังมา สำหรับเขาดงแฮเป็นเพียงแค่คนที่ถูกทอดทิ้งและถูกทำร้ายจนเข้ากลายเป็นคนที่ไม่เชื่อใจใคร...เป็นคนที่น่าเห็นใจและต้องใช้ความรักเยียวยา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้ร่างบางต้องมีแผลกว้างจนอยากที่จะหายขาด ความออดอ้อนที่ร่างบางแสดงออกมาในบ้างครั้งและรอยยิ้มที่ละมุมละไมที่เขาเห็นนั้น...นั่นคือตัวตนที่ถูกความเจ็บปวดเก็บซ่อนเอาไว้...เพราะไม่อยากให้ใครเห็นด้านที่ตัวเองนั้นอ่อนแอ

            ไม่ใช่ไม่รัก....

            ไม่ใช่ไม่คิดถึง....

            ไม่ใช่ไม่โหยหา....

             กลิ่นกายหอมหวานที่ยังคงติดตรึง ใบหน้าร้ายๆแต่ขี้เล่นยามหยอกเย้าลงมือทรมานเขาให้หวีดร้องด้วยความสะใจ เสียงครางที่ระงมตอนที่สานสัมพันธ์รักและความอุ่นของน้ำตาที่ซบลงบนแขนของเขาในวันที่ฝนพรำ...ยิ่งย้ำให้รู้ว่าเขาลืมนางมารร้ายที่แสนน่ารักคนนี้ไม่ได้  อยากกลับไปหาอยากกลับไปกอดไว้แนบกาย

          ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะจากมาและดงแฮก็เป็นคนเอ่ยปากว่าไม่ต้องการกัน



           
            “ไม่อยากไปเหมือนคนอื่นเขาบ้างรึไง?” ใบหน้าสวยของผู้ที่ตนเคารพเหมือนคนในครอบครัวเอ่ยให้เขาหลุดออกจากภวังค์ ดงแฮที่นั่งลูบไล้ปอกคออยู่ในห้องทำงานของอีทึกนั้นเงยมองพี่ชายที่เก็บเขามาอุ้มชูให้ที่ซุกหัวนอนด้วยแววตาเศร้าๆ

            “ด๊องไปแล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนพี่อีทึกล่ะฮะ ^^” ยิ้มหวานที่ส่งให้อย่างฝืนๆทำเอาเจ้าของคลับถอนหายใจ ใช่...ตอนนี้ในตึกแพลตตินั่มมีเพียงแค่เขาและดงแฮเท่านั้นที่ยังคงอยู่ที่นี่ ฮีชอล...ซองมิน....ฮยอกแจ ทั้งสามคนต่างก็ออกไปตามเส้นทางที่ตัวเองค้นพบ 

            “ไม่ออกไปหาใครมาระบายอารมณ์แก้เครียดล่ะ” หน้าสวยที่ก้มมองจดจ่ออยู่กับเอกสารบนโต๊ะที่เขาต้องจัดการพูดขึ้นอีกครั้งโดยไม่ได้มองหน้าอีกฝ่าย

            “ไม่ล่ะฮะ...ด๊องไม่อยากเจอใคร...”

            “คิดถึงเขาล่ะสิ...อย่ามาพูดว่าไม่ใช่เลยถ้าไม่คิดถึงจะนั่งลูบนั่งไล้ปอกคอนั่นทำไม...ไปหาเขาสิ”

            “ไม่เอาหรอกด๊องอยากอยู่กับพี่อีทึกมากกว่าอยู่ที่นี่ก็สบายดีด้วย มีทุกอย่างที่อยากได้เงินก็มีให้ใช้อยากได้อะไรก็มีคนประเคนให้ดีออกจะตาย ใครจะดูแลด๊องได้ดีเท่าพี่อิทึกล่ะฮะ ^^” 

            “อย่ามาทำพูดเอาใจไปเจ้าเด็กแสบ พี่รู้ว่าเราอยากไปตามหาเจ้าลูกหมาที่เราไล่มันไปใช่มั้ยล่ะ” หน้าสวยหย่อนตัวลงนั่งข้างน้องชายพูดให้อีกฝ่ายนั้นคิดตาม อีทึกเข้าใจที่ดงแฮไม่ยอมไปหาคิบอมนั้นเพราะไม่อยากทิ้งเขาไว้คนเดียวหากเสียดาวทั้งหมดไปตึกแห่งนี้และสิ่งที่ผู้มีพระคุณของเขาสร้างมานั้นคงได้พังลงมาแน่นอน

            “เขาไม่อยากเจอด๊องหรอกฮะ...ถึงด๊องจะเป็นคนไล่เขาไป แต่ถ้าเขาอยากกลับมาป่านนี้ก็คงมานั่งเป็นลูกหมาน้อยให้ด๊องแล้วล่ะฮะ”

            “ดงแฮ...หมาน่ะลองได้มีเจ้าของแล้วต่อให้เราทิ้งมันไปหรือมันหนีจากเราไปและต่อให้มันไปมีเจ้านายคนใหม่มันก็ไม่มีวันลืมเจ้านายคนแรกของมันหรอกนะ...ความรักก็เหมือนกันไม่มีใครลืมรักแรกได้หรอกพี่จะบอกให้ บางทีมันอาจจะนั่งรอเจ้าของๆมันอยู่ให้กลับไปรับก็ได้นะ” ไม่ปล่อยนักที่อีทึกจะแทนตัวเองว่าพี่...เพราะงานที่ต้องเป็นผู้นำต้องปกครองคนทำให้ต้องวางตัวให้ดูน่านับถือ นอกเสียจากให้คำปรึกษาเจ้าน้องตัวแสบหรือนอกเวลางานถึงจะปล่อยตัวตามสบาย พูดแล้วก็ขยี้ผมนุ่มไปสองสามที ปล่อยให้ดาวดวงสุดท้ายที่ยังฝืนส่องแสงเพื่อตึกแพลตตินั่มได้ค้นพบหนทางของตัวเองเหมือนดาวดวงอื่นๆ เพราะเขาคิดว่าคงไม่มีใครมาทนนิสัยซาดิสต์ผิดแผกต่างจากชาวบ้านของดงแฮได้อย่างเจ้าลูกหมาคิมคิบอมนั้นอีกแล้ว...และคงไม่มีใครเข้าใจน้องชายของเขาได้เท่ากับผู้ชายคนนั้นเช่นกัน

            “ด๊องไปได้เหรอฮะพี่อีทึก....ฮึก! พี่ไม่ว่าด๊องใช่มั้ยฮะ?” บุญคุณที่ได้รับจากคนตรงหน้ามีมากมายเกินกว่าจะตอบแทนได้หมดหากไม่มีอีทึกคอยเลี้ยงดูคงไม่มีเขาในวันนี้และเขาคงไม่ได้กับสิ่งที่เขาเฝ้าค้นหา...ใครสักคนที่เกิดมาเพื่อกันและกัน

            “ใจก็ไม่อยากให้ไปหรอกนะ...กลับมาหาพี่บ้างก็แล้วกันเราไม่อยู่พี่คงเหงาน่าดู..” สวมกอดน้องชายที่กลับมาเป็นเด็กขี้แยเหมือนครั้งที่ได้เจอกัน ร่างบางกอดรัดคนที่คอยดูแลเขามาเหมือนคนในครอบครัวไว้แน่น...ซาบซึ้งในสิ่งที่พี่ชายคนที่มอบให้ตลอดมา

            “คราวนี้ก็เลี้ยงให้ดีล่ะ...รักแล้วก็เอาใจใส่มันบ้างแสดงให้มันรู้บ้างว่าเจ้าของก็รักมันมากเหมือนกันรู้มั้ย?”

            “ฮะ!  ฮึก....ขอบคุณนะฮะพี่ชาย....”

          ฉันกำลังจะไปรับนายกลับมา...นายจะยังอยากได้เจ้านายแบบฉันอยู่มั้ยคิบอม?
           
           
            “ไม่ออกไปไหนเหรอคะคุณหนู..” แม่นมที่ยกเครื่องดื่มเย็นๆมาให้คิบอมที่นอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้ริมสระน้ำถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย ตั้งแต่วันที่คุณหนูของเขากลับมาด้วยใบหน้าเศร้าหมองของตอนเช้าเมื่อสองเดือนก่อนหล่อนก็ไม่เคยเห็นคุณชายออกไปไหนหรือมีรอยยิ้มอีกเลย...ได้แต่นั่งเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดถึงใครบางคน

            “ผมเหนื่อย...อยากอยู่เงียบๆน่ะครับ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบบางเบาก่อนหันกลับไปนั่งนึกถึงเจ้านายของเขาที่ใจยังโหยหาก่อนที่ใบหน้าคมจะตะหวัดหันกลับไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วเมื่อเสียงที่ค่อดขอดเขานั้นมันเป็นเสียงของคนที่เขากำลังคิดถึง...

            “แค่นอนเฉยๆมันเหนื่อยมากเลยรึไงกัน?” 

            “ดงแฮ!!” 

            “ทำหน้าเหมือนเห็นผีแบบนั้นอยากโดนดีใช่มั้ยคิม คิบอม?” ร่างบางยืนกอดอกก้มหน้ามองใบหน้าคมที่ยังนั่งแข็งทื่อไปขยับเขยื้อน

            “คุณ..มาทำอะไรที่นี่...”

            “โง่รึไง? ฉันมาที่บ้านนายคงมาเดินเที่ยวมั้ง!” 

            “..........................” 

            “เห็นหมาของฉันบ้างมั้ย? ฉันมาตามมันกลับไปไม่รู้ว่ามันอยากจะกลับมาอยู่กับฉันรึเปล่า...” ร่างบางทิ้งตัวนั่งลงบนตักกว้างยกมือขึ้นคล้องคออีกฝ่ายแล้วจูบที่ริมฝีปากอิ่มเบาๆ

            “คือผม....ผม”

            “ว่าไงล่ะเห็นมั้ยวิ่งมาแถวนี้บ้างรึเปล่า? ไม่มีเสียงร้องของมันอยู่ใกล้ๆแล้วฉันเหงา”

            “ไม่รู้สิครับ...คุณทำอะไรล่ะครับมันถึงได้หนีคุณไป” คนน้อยใจนั่งหน้าเง้าหน้างอนี่กว่าจะมาง้อปล่อยให้เขารอตั้งหลายเดือน

            “ฉันโมโหเลยไล่มันไปแต่ตอนนี้คิดถึงมันจัง...นายว่าถ้าฉันยอมขอโทษมันเจ้าลูกหมาตัวนั้นจะยอมกลับมาหาฉันมั้ย?..”

            “แล้วทำไมถึงเพิ่งมาตามหามันล่ะครับ ไม่คิดบ้างล่ะว่าป่านนี้มันอาจจะลืมเจ้าของไปแล้วก็ได้นะครับคุณ” เจ้าลูกหมาหน้าบวมส่งเสียงง้องแง้งใส่เจ้านายใจร้ายไม่ยอมหายโกธรคนที่เคยขับไล่

            “ก็เพิ่งรู้ว่า..“รัก” มันมาก...เพิ่งรู้ว่าขาดมันไม่ได้ ยกโทษให้เจ้านายคนนี้ได้มั้ย?..” สวมกอดร่างสูงที่นั่งนิ่งแนบแน่น ซบใบหน้าลงกับอกกว้างหลับตาสูดกลิ่นกายของอีกฝ่ายด้วยความคิดถึง

            “ลูกหมามันน้อยใจ มันเสียใจมาก จนมันไม่อยากกลับจะกลับไปหาเจ้านายมันแล้วครับ...มันกลัวโดนไล่”  

            “ไม่ไล่แล้วสัญญา  เจ้าลูกหมาไม่คิดถึงเจ้านายคนนี้บ้างเลยเหรอ? ฉันคิดถึงนายนะคิบอม..” ใบหน้าหวานเหงยมองคนที่ทำหน้าน้อยอกน้อยใจดูท่าการง้อเจ้าลูกหมาจอม งี่เง่านี่จะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้วสิเรา

            “คิดถึง...แต่ไม่อยากโดนไล่ตะเพลิดจนต้องวิ่งหางจุกตูดกลับบ้านอีกแล้วครับ” ไม่ยอมหรอกง้อไม่ถูกใจแบบนี้อย่าหวังว่าผมจะยอมคุณเลย

            “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ไล่แล้ว รักหมาตัวนี้จะตาย รู้มั้ยว่านอนไม่หลับทุกคืนเลย”

            “ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันนั่นล่ะครับ....” หึ! ยังไม่รู้อีกนะที่รักว่าต้องง้อผมแบบไหน.. 

            “หายงอนเถอะนะนี่หนีตามหมาออกมาไม่มีที่ให้กลับไปแล้วนะไม่สงสารกันบ้างเหรอ? เจ้านายคนนี้ไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วนะนี่อยากมาตามเจ้าหมาขี้งอนจนไม่ได้เอาอะไรออกมาเลยนะดูสิ” จริงอย่างว่าร่างบางไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากไอ้บางอย่างที่มันนูนๆอยู่ในกระเป๋ากางเกงขาสั้นนั่นแหละ

            “หมาตัวนี้ก็ไม่ได้บอกให้เจ้านายออกมาง้อมันนี่ครับ มันนั่งรอเจ้านายมันมารับมันกลับไปจนมันท้อแล้วครับ”  

            “พูดแบบนี้นี่ไม่รัก...กันแล้วเหรอฮะ? ด๊องนอนร้องไห้ทุกวันเลยนะฮะคิบอม~” ไม้แข็งไม่ได้ก็ต้องเล่นไม้อ่อน หน้าหวานช้อนสายตาใส่อ่อยอีกฝ่ายด้วยคำพูดน่ารักทำหน้าแบ๊วๆยื่นปากใส่หน้าคมที่แสร้งทำหน้านิ่งไม่ยอมให้อภัย

            “แล้วถ้าบอกว่าไม่รักแล้วล่ะครับ?” ปูทางให้อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร คนที่รู้ทันกันเลยคลี่ยิ้มแบบนางมารร้าย....บอกแต่แรกก็จบแล้วว่าอยากให้เข้าโหมดนี้

            “ก็จะจับมาทรมานแล้วเฆี่ยนให้เลือดอาบ ทำให้รักอีกรอบไงไม่เห็นต้องถามเลย~” คำตอบของคนบนตักทำเอาคนที่ได้ยินยิ้มหน้าบาน...แค่ดงแฮยอมมาหาเขาก่อนนี่ก็ดีแค่ไหนแล้วแต่อยากหาเรื่องยียวนก็เท่านั้นเอง

            “งั้นไม่รักแล้วดีกว่าครับ...เพราะผมอยากถูกคุณทรมาน” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูบอกเจตนาให้อีกฝ่ายรู้ว่าที่เล่นตัวน่ะเพราะให้ดงแฮง้อเขาแบบไหน

            “อยากให้ทำตรงนี้เลยมั้ยล่ะ? แค่เห็นหน้ามันก็อยากโดนหมาตัวนี้เอาแล้วสิ” ใบหน้าหวานซุกคอแกร่งแล้วดูดดุนฝากรอยใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้ออีกฝ่ายไล้ไปตามลอนหน้าท้องแล้วหยุดหยอกล้อกับตุ่มไตสะกิดให้อารมณ์ใครอีกฝ่ายมันก่อตัว

            “เอาตรงนี้ไม่ได้หรอกครับเดี๋ยวแม่นมผมเดินมาได้หัวใจวายพอดี นี่เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่นาทีคุณจะให้ผมเอาอย่างเดียวเลยเหรอครับคุณดงแฮ...เซ็กส์จัดเกินไปแบบนี้ผมก็เหนื่อยสิ” ยอกย้อนคำที่เคยโดนร่างบางว่าเมื่อตอนคราวที่อยู่ที่ร้านของมาสเตอร์ จนหน้าหวานย่นหน้าใส่

            “ทำมาพูดนั่นพูดนี่แล้วไอ้ที่มันดันอยู่ข้างล่างตั้งแต่ฉันนั่งตักนี่มันหมายความว่ายังไงห๊ะ! ใครกันแน่ที่เซ็กส์จัดแค่นั่งทับนิดเดียวก็แข็งสู้ขนาดนี้แล้วเนี่ยทำมาว่าคนอื่น!” แกล้งขย่มตัวขึ้นลงแรงๆกระแทกไอ้ส่วนที่มันดุนๆดันๆสะโพกอยู่ด้านล่างจนร่างสูงร้องโอดโอย

            “มันเจ็บนะครับกระแทกแบบนี้เกิดผมเป็นหมันขึ้นมาคุณจะหาใครมารองรับอารมณ์คุณกัน!!” เจ็บจริงอะไรจริงถ้าจะแทกแบบอื่นจะไม่ว่าไม่ร้องซักคำ 

            “นายก็นอนเฉยๆไม่ต้องทำเพราะฉันจะเป็นคนขึ้นนั่งกระแทกนายเองนี่จะเอากันได้รึยัง? ฉันอยากจนจะเสร็จเองแล้วนะ!!” 

ห่างหายไปตั้งหลายเดือนยังจะมาลีลา อยากได้เสียใจแทบขาดยังมาง้องแง้งอยู่ได้อุตส่าห์รี่มาให้เอาถึงที่ยังเล่นตัวอีกนะ!   

“คุณนี่ยังไงกัน ? ไม่มีความโรแมนติกซะบ้างเลย” ทำบ่นโน่นบ่นนี้แต่ก็รีบอุ้มร่างบางเข้าบ้านเดินขึ้นชั้นสองอย่างรวดเร็ว ขืนงี่เง่ามากเดี๋ยวร่างบางโมโหเลิกง้อขึ้นมางานเข้า

“ขอโทษนะ....” เสียงหวานดังขึ้นทันที่หลังสัมผัสกับเตียงนุ่ม ตาสวยหม่นลงเล็กน้อยเพราะตัวเองก็เสียใจที่พูดจาทำร้ายร่างสูงไปในวันนั้น

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วครับ...ที่รัก” คิบอมทิ้งตัวทาบทับคนใต้ร่างโน้มใบหน้าลงจุ่มพิษที่ริมฝีปากบางที่ไม่ได้สัมผัสมาเนิ่นนาน ใช้มือของกันและกันเป็นเครื่องปลดเปลื้องสิ่งกีดขวางอย่างอาภรณ์ให้พ้นทางลูบไล้กันไปมาด้วยความโหยหา...กลิ่นกายและสัมผัสที่วาบหวามชวนให้หลงใหลในกันและกันจนยากจะถอดถอนใจ 

“อื้อ~ยังไม่ยอมตอบคำถามฉันเลยนะ อย่ามาเนียนสิ อ๊ะ!! รัก...ฉันรึเปล่า?” อยากเซ็กส์ก็อยากอยากได้ยินคิบอมพูดมันให้ฟังก็อยาก มือบางเลยยันอกแกร่งที่กำลังส่งแรงกระแทกให้หยุดเคลื่อนไหว

“ไว้ผมจะบอกใครฟังตอนคุณครางเสียงดังๆให้ผมพอใจก่อนก็แล้วกันนะครับที่รัก หึๆๆ ^^” ขอหวงมันไว้หน่อยแล้วกันที่ตอนพูดให้ฟังทำมาบอกไม่อยากได้ยินอย่างคุณมันต้องโดนดัดนิสัยซะบ้าง

“อ๊ะ อ๊า~...กล้าขัดใจฉันเหรอเดี๋ยวนี้ อื้อ~~” สะโพกโยกย้ายร่อนไปตามแรงส่ง นี่ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เอาละก็แม่จะตบให้หน้าหันเลยจริงๆ!

“กล้าไม่กล้าคุณอยากลองดูมาดโหดๆผมมั้ยล่ะที่รัก อึก!!” ไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างเมียอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะครับ....ใจจริงก็ชักติดใจเวลาได้ลงโทษร่างบางแบบวันนั้นซะแล้วสิมันก็สนุกไปอีกแบบ...

“ฝันไปเถอะอย่ามาเปลี่ยนตำแหน่ง นายมันซาดิสต์ได้ไม่เท่าฉันหรอก อ้า~ แรงอีก อ๊ะๆๆ” ใบหน้าหวานบิดส่ายเมื่ออีกฝ่ายเร่งรัวช่วงท้ายจนพาเข้าขึ้นสวรรค์ก่อนที่เจ้าหมาจอมงี่เง่ามันจะง้องแง้งใส่เขาอีกครั้ง...เดี๋ยวนี้เห่าบ่อยจริงนะ!

“นี่ผมต้องถูกคุณเอาเปรียบตลอดเลยรึไงกัน...” ชักตัวออกรวดเดียวแล้วทิ้งตัวนอนตะแคงหันหลังให้เขาดื้อๆเสียอย่างนั้น...

นี่ฉันยังไม่หายอยากเลยนะ รอบเดียวมันพอที่ไหนกันเล่าไอ้บ้า!!!’

“โอ๋~อย่าเพิ่งงอนสิ กลับมาทำต่อก่อนนะ น้า~” 

“ไม่เอาหมดอารมณ์โดนเมียข่มตลอดแบบนี้เซ็ง!!” งอแงไปงั้นแหละ..อยากเป็นฝ่ายถูกอ้อนบ้างก็เวลาดงแฮมางุ้งงิ้งใส่มันน่ารักน่าปล้ำจะตายไป ^^

“นายหมดแต่ฉันยังไม่หมดนี่!! มารับผิดชอบเลยนะมันยังตั้งเด่อยู่เลยเห็นมั้ย” ตาคมเหลือบมองคนที่ทำตาปรือใส่เลยส่งมือไปลูบๆไล้ๆแบบทำไปงั้นๆ จนคนที่ยังอารมณ์ค้างอยากโดนกระแทกหน้ามุ่ย....สุดท้ายก็ต้องยอมอีกจนได้!!

            “ก็ได้...ไว้ฉันจะยอมให้นายลงแส้ใส่บ้างก็แล้วกัน~” 

            “ก็เท่านั้นล่ะครับ” ร่างสูงพลิกตัวกลับไปหาอีกฝ่ายเริ่มร่ายบทเพลงรักอีกหลายครั้งจนกว่าร่างกายจะเพลียไร้เรี่ยวแรงทดแทนช่วงเวลาที่ขาดหายด้วยความรักที่ได้กลับมาเชื่อมโยงกัน ไม่ต้องมีคำหวาน ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแค่เพียงได้สบตากันก็เข้าใจ...ขอเพียงแค่ได้ฟังคำนั้น คำๆเดียวที่อยากพร่ำกระซิบทุกๆวัน

            “ผมรักคุณนะ...ดงแฮ”


        +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น