วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

The XXX Project แรง ยั่ว มั่ว เซ็กส์ : รัก...KyuMin by Clair"


บ้านหลักของ XXXproject โดนแบนถาวรไปแล้ว ขออนุญาตมาลงในบล๊อกนะคะ ^_^
 
 
แรง ยั่ว  มั่ว เซ็กส์ (รัก) feat. KyuMin
# รัก

...ณ วันที่ 13 คืนนรกแตกของตึกแพลตตินั่ม...ที่ซึ่งวันนี้ยังคงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย...

...หากแต่สิ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้คือคืนนี้อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่จะได้ยลโฉมเหล่าดาวทุกดวง...

“คุณบันนี่ครับผมว่าจะเข้ามาถาม...เอ่อ แล้ว...” พิธีกรหนุ่มประจำตึกแพลตตินั่มถึงกับกลืนน้ำลายเอี๊อกเมื่อเดินเข้ามาถามเรื่องเดิมๆกับแม่ดาวแสนน่ารักตามปกติวิสัย หากแต่ก็ต้องสะดุดหัวทิ่มเมื่อสายตาปะทะเข้ากับบันนี่ดาวผู้แสนน่ารัก...ที่ดูจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเคลือบแฝงอยู่ในร่าง...

“...เดี๋ยววันนี้บันนี่เลือกลูกค้าเองฮะ” ซองมินเอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงหวานล้ำที่มีพลังออดอ้อนคนให้ละลายลงไปกองกับพื้น ใบหน้าหวานที่นวลแก้มยังคงอิ่มเต็มผินกลับมามองใบหน้าพิธีกรหนุ่มช้าๆ เส้นผมที่เคยสีเข้มบัดนี้ผ่านการกัดย้อมสว่างไสว เสื้อผ้าหลวมโพรกที่เป็นเอกลักษณ์ซองมินก็ยังคงสวมใส่มันติดกาย หากแต่ราวกับมีบรรยากาศบางอย่างที่โอบล้อมรอบตัวซองมินหรือบันนี่...ดาวผู้แสนน่ารักแห่งตึกแพลตตินั่ม...

กรุ่นกลิ่นหอมปริศนาลึกลับ...ราวกับมีฟีโรโมนฟุ้งกระจายห่อหุ้มไปทั่วเรือนกายขาวนวลอมชมพูอวบอิ่ม...

“อ่ะ เอ่อ อ่ะ ครับ!!” พิธีกรหนุ่มถึงกับหน้าแดงซ่านเพียงเพราะได้สบตากับดวงตากลมโตคู่นี้ของซองมิน ก่อนจะรีบล่าถอยออกไป ร่างเล็กหัวเราะน้อยๆในลำคอ ผินหน้าไปมองกระจกบานใหญ่ข้างกาย สบตากับตนเองผ่านกระจกนั้น...

อย่างน้อยสิ่งที่นายทำลายมันไป ชั้นก็ได้อะไรบางอย่างกลับคืนมา

ซองมินผุดลุกขึ้นช้าๆ เอียงคอเล็กน้อยคลายความเมื่อยขบ ปลายนิ้วเล็กกดนวดที่ขมับบางเบาๆ สิ่งที่เคยสงสัยมานานนั้นบัดนี้ซองมินเพิ่งจะกระจ่าง...คนที่ไม่เคยมีเซ็กส์หากร่างกายได้สัมผัสมันซักครั้ง กรุ่นกลิ่นกระแสเลือดในกายจะเปลี่ยนทิศทาง จากความบริสุทธิ์เป็นความช่ำชองเหมือนกับสัตว์ที่พร้อมจะผสมพันธุ์...แต่สิ่งที่ซองมินไม่เหมือนคนอื่นนัก คือเซ็กส์ครั้งแรกของซองมินนั้นมันไม่ได้สร้างความต้องการให้แนบชิดกายกับใครเลย...

...ดอกไม้ที่ถูกเด็ดอย่างนุ่มนวลยังคงส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนให้ใครมาดอมดม...หากแต่ดอกไม้ที่ถูกกระชากลงจากกิ่งใบนั้นมันเจ็บปวดเกินกว่าจะให้ใครมาเชยชิม...

เสียงครางฮือที่เคยเฮลั่นค่อยๆเงียบเสียงลงเป็นสัญญาณว่าบรรดาแขกทั้งหลายกำลังรอคอยให้ดาวคนต่อไปมาโชว์ตัว ซองมินหันไปสบตาแล้วยิ้มน้อยๆให้เพื่อนแสนเซ็กส์ซี่อีกสองคนที่นั่งเอกเขนกรอเวลาของตนเองอยู่ การเปลี่ยนแปลงน้อยๆของบันนี่ที่ฮยอกจี้สังเกตเห็นว่าเพื่อนผู้แสนน่ารักคนเดิมราวกับมีฟีโรโมนประหลาดเจือจาง แต่ก็ไม่อาจจะเรียกมาถามอันใดเพราะถึงเวลาที่บันนี่จะต้องออกไปโชว์ตัวแล้ว

ฝ่ามือเล็กเอื้อมเปิดม่านหนาหนักนั่นออก ช่วงตัวขาวนวลอวบนิดๆก้าวออกมาจากหลังม่านเดินเท้าเปล่าลงมาตามบันได ซองมินเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มหวานใสมุมปาก...ดวงตากลมโตฉ่ำหวานทอดมองเหล่าแขกที่มานั่งรออย่างเต็มไปด้วยความหวัง ชายหนุ่มหลายคนถึงกับใจเต้นตึกตักเพียงเพราะได้สบตากับดวงตาคู่นั้น บรรดาแขกหน้าใหม่ที่ตกหลุมพรางเสน่ห์หวานๆของซองมินแทบจะทันที...ส่วนบรรดาลูกค้าหน้าเก่าที่หมายปองนั้นเล่าต่างพากันสะกิดกันเอง ราวกับจับสังเกตความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ นั่นได้...

เหมือนมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ไม่อาจรู้ได้ว่าคืออะไร...

“รอนานกันมั้ยฮะ บันนี่ขอโทษนะฮะที่ช้าไปหน่อย...” ซองมินเดินไปจับพนักพิงหลังของชายหนุ่มซักคน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาข้างหูแต่จงใจให้ได้ยินกันทั้งห้อง...น้ำเสียงหวานกระเส่ากับกลิ่นกายหอมลึกบางอย่างที่กำลังทำให้ชายหนุ่มทั่วอาณาบริเวณนั้นคลั่งไคล้หลงใหล เสียงครางฮือในลำคอกับการสิ่งที่แม่ดาวแสนน่ารักทำ ซึ่งบันนี่นั้นไม่เคยเข้าใกล้แขกขนาดนี้มาก่อน...ภาพสุดท้ายที่หลายคนจำได้คือซองมินเลื่อนตัวไปกระซิบชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเมื่อวันที่ 13 ของเดือนที่แล้ว แต่ตอนนั้นมันก็ไม่ได้กรุ่นกระไอยั่วยวนถึงขนาดนี้ อากัปกิริยาที่ทำให้แทบทุกคนในห้องลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง จับจ้องไปที่เรือนกายอวบอิ่มที่เคลื่อนตัวไปหาแขกคนอื่นๆต่อไป...

...โดยที่หลายคนคงไม่อาจสังเกตชายหนุ่มตัวสูงคนหนึ่งที่นั่งเสียริมห้องในมุมมืด ใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงนิ่งงันหลังจากพยายามมองภาพตรงหน้ามานาน...ชายหนุ่มผู้ซึ่งใครหลายคนคงลืมไปแล้วว่าเป็นคนที่ซองมินเข้าหาในวันที่ 13 เดือนที่แล้ว...และเป็นต้นเหตุของการหยุดงานยาวของแม่ดาวแสนน่ารักผู้มีชื่อว่าบันนี่จนบรรดาแขกเหรื่อต่างเป็นห่วงไปตามๆกัน ก่อนที่อีทึกจะประกาศว่าบันนี่นั้นไม่สบายจำเป็นต้องหยุดงานชั่วคราว จนเริ่มกลับมาทำงานและได้เข้ามาโชว์ตัวในวันนี้...

“...ในที่สุดผมก็ได้เห็นหน้าคุณ...จนได้...” คยูฮยอนพร่ำเพ้อเบาๆในลำคอ ก่อนจะนั่งเท้าแขนกับโต๊ะเอามือปิดหน้านิ่งเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ปวดแปลบในหัวใจ...ตั้งแต่วันนั้น...วันที่คยูฮยอนเจอกับความเจ็บปวดแบบไม่อาจลืมเลือนที่ห้องของฟิชชี่แม่ดาวแสนโหด กว่าที่คยูฮยอนจะทำใจให้แข็งแรงพอ เดินหาของมีคมในห้องมาตัดเข็มขัดที่มัดข้อมือตัวเองไว้ จัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่าเดิมแล้วเดินออกจากห้องด้วยความวูบโหวง         คิบอมเพื่อนของเขาที่ไปด้วยกันก็ไม่มีทีท่าว่าจะออกมา คยูฮยอนจึงตัดสินใจทิ้งเพื่อนไว้แบบนั้น...

หลังจากคืนวันนั้นที่คยูฮยอนมาลงชื่อที่แพลตตินั่มเป็นเวลา 3 สัปดาห์เต็มๆ ด้วยความหวังริบหรี่ว่าบันนี่อาจจะเลือกเขาเพื่อไปปรับความเข้าใจ หรือเรียกไปตบให้สาแก่ใจกว่านี้ ซึ่งเขาจะยินดีอย่างสุดหัวใจถ้ามันเป็นเช่นนั้น...แต่มันก็เหมือนการรอคอยให้พระอาทิตย์ทอแสงขึ้นทางทิศตะวันตก...

...การรอคอยที่เป็นไปไม่ได้...

อาการที่แปลกไปของคยูฮยอนทำให้กลุ่มเพื่อนสงสัยแต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไร ด้วยว่าต่างคนต่างก็มีสิ่งที่ตนเองต้องทำต้องรับมือ...3 สัปดาห์เต็มๆที่คยูฮยอนใช้ชีวิตจมอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆว่าจะได้เจอหน้าคนที่เขาทำร้าย...3 สัปดาห์ที่อยู่กับความเจ็บปวดที่แท้จริง กับคำพูดที่บันนี่ทิ้งไว้ให้เขา...

3 สัปดาห์ที่ราวกับอยู่ในนรกที่แสนเจ็บปวด...ที่คยูฮยอนเป็นคนตกลงไปเอง

กระทั่งวันนี้ที่คยูฮยอนยังคงมาที่แพลตตินั่มเหมือนเคยด้วยความหวังริบหรี่ตามเดิม ก่อนที่ชายหนุ่มจะชะงักไปเมื่อเจอพายุผู้คนที่แห่แหนกันมาที่ห้องโชว์ตัว...สิ่งที่เตือนสติคยูฮยอนได้ในที่สุดว่าวันนี้มันคือวันที่ 13...เขาคงจมกับวันคืนฝันร้ายที่เจ็บปวดซ้ำๆจนลืมวันเวลาที่แท้จริง เหล่าเพื่อนกลุ่มเดิมที่พากันมาชมความงามของดาวที่ตนเองต้องใจต่างพากันสงสัยเมื่อคยูฮยอนขอแยกโต๊ะนั่งไปนั่งอยู่ริมห้องที่ห่างไกลที่สุด แต่ก็ไม่อาจซักถามอะไรต่อเพราะชอลลี่นั้นออกมาเปิดตัวเสียก่อน...

 ภาพของบันนี่ที่คลอเคล้ากับชายหนุ่มไปทั่ว...ภาพที่คยูฮยอนรู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กกำลังทำเพื่อประชดชีวิตที่ถูกทำลายของตนเอง...ภาพที่น่าจะเป็นที่กระตุ้นอารมณ์ของใครหลายๆคนกับการที่ซองมินขยับเขยื้อนกาย ออดอ้อนออเซาะกับใครไปทั่วในเสียงครางฮือของเหล่าแขก...หากแต่สำหรับคยูฮยอนแล้วมันกลับเหมือนฉากๆหนึ่งของหนังเงียบขาว-ดำซักเรื่องที่มีเนื้อหาแสนเศร้าและเจ็บปวด...ยิ่งมองเขายิ่งเจ็บยิ่งปวด มันไม่ใช่แค่ความหึงที่เห็นใครเข้าใกล้ร่างนั้น มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากกว่านั้น...

เจ็บ...มาก...

“บันนี่ไม่สบายหายไปนานทุกคนก็เป็นห่วง น่ารักที่สุดเลย...คิคิ~” น้ำเสียงหวานเอ่ยพร้อมกับใบหน้าสวยที่ทอดตามองเหล่าชายหนุ่มจนหลายคนถึงกับเคลิ้ม ช่วงขาเล็กก้าวเดินไปจนสุดมุมห้องตามนิสัยที่พยายามจะโปรยเสน่ห์ความน่ารักของตัวเองให้ได้มากที่สุด ดวงตากลมโตโปรยสายตามองบรรดาแขกเหรื่อผาดผ่านด้วยความหวังที่ว่าอาจจะเจอใครซักคนที่ซองมินคิดว่าเข้าท่า จะออดอ้อนให้อีกฝ่ายมีเซ็กส์กับดาวผู้น่ารักคนนี้ ซึ่งมันก็คงไม่ยากเกินความสามารถที่ซองมินจะยั่วผู้ชายให้ตบะแตกให้ได้...ซึ่งจุดประสงค์ที่แท้จริงนั้นมันก็ไม่ใช่ว่าซองมินอยากจะได้ใครซักคนมาปรนเปรอ...มันก็แค่ซองมินอยากจะให้ใครซักคนมาช่วยเขา...

...จะให้ช่วยประทับรอยซ้ำๆย้ำๆลงบนร่างกายที่แปดเปื้อนนี้ไปแล้วให้มันตราตรึงกว่าเดิม

ความคิดประชดชีวิตที่โลดแล่นในสมองภายใต้ใบหน้าหวานใสที่โปรยเสน่ห์เหลือล้น...ซองมินเดินไปจนสุดทางก่อนจะเอี้ยวตัวหมุนกลับไปยังกลางห้องโชว์ตัว...ฉับพลันที่ดวงตากลมโตสอดประสานกับสายตาคู่หนึ่งที่ทอดมองจากมุมห้องด้วยความเจ็บปวด...

“...อ่ะ” ถ้อยคำสั้นๆราวกับหลุดออกมาจากลำคอที่ไม่สามารถสื่อความหมายได้...หากแต่มันกลับเปล่งมาในจังหวะเดียวกันที่คนสองคนผู้ร่างกายอยู่ห่างกันแสนไกล ราวกับมีคลื่นความรู้สึกนับพันพุ่งขึ้นแตกกระจายในห้วงความคิดของคนทั้งสอง สายตาที่สอดประสานเพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่ต่างคนต่างตกใจ และต่างคนต่างเปิดเผยความรู้สึกในดวงตานั้นออกมา...

ความรู้สึกลึกๆข้างในที่มันบอกว่าโหยหา...เจือจาง...

“อ่ะ เอ่อ บันนี่ครับ??” กลับเป็นเสียงของพิธีกรหนุ่มนั่นเองที่ดึงสติที่แตกกระจายของซองมินให้มันกลับมาที่เดิม ไหล่เล็กบางสะดุ้งน้อยๆก่อนจะรีบจ้ำเดินหันหลังกลับไปยังกลางเวที สายตาของแขกเหรื่อบางคนที่สงสัยว่าซองมินเหม่อมองอะไรต่างหันไปดูโต๊ะๆหนึ่งมุมห้อง แต่เสียงประกาศของพิธีกรหนุ่มก็มาดึงความสนใจไปเสียก่อน

“วันนี้เราจะมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยนะครับ...เชิญบันนี่ครับ” พิธีกรหนุ่มผายมือไปทางร่างน้อยที่ก้าวมายืนข้างๆตนกลางห้อง ซองมินที่ยังมีสีหน้าชะงักค้างไม่หายต้องรีบปรับสีหน้าเร่งด่วน ฝ่ามือเล็กเรียวสองข้างที่ซ่อนในแขนเสื้อยาวเฟื้อยยกขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆตั้งแต่หว่างคิ้วจนถึงคาง ท่าทางแสนน่ารักที่หลายคนคิดว่าคนสวยคงกำลังประหม่า...โดยหารู้ไม่ว่าชั่วขณะที่ซองมินได้อยู่กับตัวเองในวินาทีนั้น มุมปากที่โค้งลงกับดวงตาเจือความเจ็บปวดมันออกมาโลดแล่นเพียงเพราะสบตากับคนๆนั้นๆเพียงนาทีเดียว...

...หัวใจคนมันทำด้วยอะไรทำไมมันถึงบรรจุความรู้สึกได้มากขนาดนี้...เจ็บใจ อึดอัด คับข้อง ปวด หน่วง และอีกความรู้สึกประหลาดที่ซองมินไม่อยากยอมรับเลยว่ามันคืออะไร...ก็แค่ความรู้สึกที่ว่าเขาปวดใจเพราะเห็นคนๆนั้นมองมาด้วยสายตาที่รู้สึกผิด...แสนเศร้า...

...ทั้งๆที่ตนเองก็ถูกทำร้ายมา...ทั้งๆที่ถูกทำถึงขนาดนั้น...ทั้งๆที่มันน่าจะจบลงไปตั้งแต่การตบหน้าสั่งสอนไปตอนนั้นแล้ว...

...ทำไม...กัน...

“อ่ะ เอ่อ...บันนี่แค่คิดว่า บันนี่อยากจะเลือกลูกค้าด้วยตัวเองดู...” ซองมินที่บัดนี้พยายามปรับสีหน้าแล้วเอ่ยบอกเสียงหวานแผ่วในลำคอเพราะความรู้สึกปวดหน่วงในใจ...หากแต่เสียงที่เอ่ยเบาๆนั้นกลับทำให้ชายหนุ่มแทบทั้งห้องตาโตก่อนที่หลายคนจะลุกขึ้น  เฮลั่นแบบไม่อาย การกระทำที่ผิดคาดหลายๆอย่างของบันนี่ในวันนี้นั้นทำให้ใครหลายคนสงสัย แต่สำหรับคนที่หวังจะได้เคลมแม่ดาวแสนน่ารักแล้วมันก็คือข่าวดี โดยที่ไม่ได้มีใครนึกเอะใจถึงที่มาของความเปลี่ยนแปลงนี้เลย อาการดีอกดีใจที่ซองมินอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาแสดงเก่ง...ปกปิดความรู้สึกเก่งขนาดที่ไม่มีใครรับรู้เลยหรือว่าเขากำลังปวดหน่วงที่ใจแค่ไหน...

...ถ้าหากมองกันให้ลึกกว่านี้...ถ้าไม่ได้มองกันที่เปลือก...ซองมินอดคิดไม่ได้ว่าจะมีใครรับรู้ซึ่งความรู้สึกนี้ของเขาไหม...จะมีใครหยั่งมันถึงไหมว่าบัดนี้ในใจของซองมิน...ในใจของบันนี่ผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่...จะมีใครไหมที่รู้ความรู้สึกที่แท้จริงเขาออกบ้าง ตั้งแต่สวมหน้ากากนี้มามันก็คงไม่มี...อ้อ ไม่สิ...ดูเหมือนจะมีอยู่คนหนึ่งสินะ...

คนๆนั้นเพียงคนเดียวที่ดูซองมินออก...ผู้ชายเพียงคนเดียวที่หยั่งตัวตนที่แท้จริงของซองมินได้...บัดนี้ซองมินก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ามีเพียงสายตานั้นเท่านั้นที่มองทะลุถึงตัวตนของเขา...

ถึงแม้ว่ามันจะแสดงออกมาผ่านคำด่าในครั้งแรกที่เจอหน้ากัน...ว่าเขา เสแสร้งก็ตาม...

ความคิดที่ทำให้ซองมินเพียงแค่นยิ้มเจือจางแฝงมาในรอยยิ้มหวานใส หลีกหนีการประสานกับสายตาเจ็บปวดของคยูฮยอนจากมุมห้องที่มองมายังร่างเล็กอย่างสิ้นหวัง...

...ถ้าเราได้เริ่มต้นกันในจุดที่ดีกว่านี้ ถ้ามันไม่ได้เริ่มด้วยการที่นายข่มขืนชั้น...มันคงจะดีกว่านี้...อย่างน้อยก็มีนาย...นายคนเดียวเท่านั้นที่มองออกว่าชั้นเป็นยังไง...

...เราอาจจะไปด้วยกันได้ดีกว่านี้...

“อ่ะ...เอ่อ...งั้น เป็นคุณ...แล้วกันฮะ” ซองมินปัดความรู้สึกวูบโหวงในจิตใจที่เกาะกุมออกไป ก่อนจะหันไปสบตากับชายหนุ่มหน้าตาดีซักคนแถวนั้น เอ่ยเสียงเบาเลือกผู้ชายคนที่ซองมินเองก็ไม่ได้มีสติมาเจาะจง เพราะตอนนี้สติมันแทบจะหลุดลอยไปหลังจากสบตากับดวงตาคู่นั้นของคยูฮยอนแล้ว หากแต่สำหรับชายหนุ่มผู้ถูกเลือกนั้นแทบจะเฮให้ลั่น ลุกขึ้นยืนชูมืออย่างดีใจราวกับได้รางวัลใหญ่ท่ามกลางสายตาที่มองอย่างอิจฉาของชายหนุ่มโต๊ะอื่นๆที่พากันถอนหายใจอย่างเซ็งจิต

...คยูฮยอนผุดลุกขึ้นยืนช้าๆอย่างเงียบกริบ ใบหน้าหล่อเหลาหันหนีภาพบาดตาตรงหน้าก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าออกไปจากห้องโชว์ตัวที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนอย่างเงียบเชียบ หนีภาพที่ผู้ชายคนอื่นตรงเข้าไปกอบกุมฝ่ามือบางสองข้างของคนตัวเล็กที่เขาเฝ้ามอง หนีภาพที่บันนี่ดูจะดีใจกับการที่มีคนมาทะนุถนอมเรือนกาย...ก็แน่ล่ะ ใครมันจะไป  ดีใจที่ถูกทำร้าย ใครมันจะไปรับได้กับการกระทำป่าเถื่อนที่เขาทำลงไป...ความเจ็บปวดที่แล่นเข้ากอบกุมหัวใจที่เคยแกร่งดั่งหินผาของคยูฮยอน ไม่อยากเห็นใครอยู่กับบันนี่ทั้งนั้น...ไม่อยากเห็นจริงๆ...

โดยที่คนตัวสูงคงไม่อาจรับรู้...ว่ามีเพียงช่วงเวลาหนึ่ง...ชั่วเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่ซองมินหันไปมอง...มองตามแผ่นหลังกว้างนั่น...แผ่นหลังกว้างของปีศาจที่เคยทำร้ายร่างกายของร่างเล็กจนยับเยินเสียไม่มีดี...

คำตอบที่ซองมินเองยังไม่อาจตอบตัวเองว่าทำไม...ทำไมถึงได้ปวดหน่วงในหัวใจอย่างนี้...เพียงแค่ดวงตาแสนเศร้าคู่นั้นของปีศาจที่มองตาม...ปีศาจที่บัดนี้คงจะฉีกปีกสีดำสยายกว้างของตนลงไปทิ้งกับพื้นด้วยความรู้สึกผิดรวดร้าวในอกที่พลั้งมือไปทำร้ายนางฟ้าองค์น้อยให้แปดเปื้อน...

...สองหัวใจที่เจ็บปวด...ที่คงต้องรอเวลาให้สายลมพัดพาสองความรู้สึกให้มาบรรจบกัน...

ค่ำคืนวันโชว์ตัวที่ผ่านพ้นไปกับหัวใจดวงน้อยของซองมินที่ยังคงคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ...สภาพร่างกายที่ค่อยๆฟื้นฟูจนหายเป็นปกติทุกอย่าง ใบหน้าหวานใสที่สวมหน้ากากเข้าหาบรรดาแขกพร้อมกับมารยาที่ยั่วยวนให้ใครหลงใหล...แต่สิ่งที่ผิดไปจากที่ซองมินตั้งใจไว้กับตัวเองคือสุดท้ายแล้วซองมินก็ทำไม่ได้ ทำไม่ได้จริงๆที่จะให้ใครมาทำอะไรกับร่างกายของตนเอง...

จากที่เคยคิดว่าจะประชดชีวิตที่โสมมนี้ จากที่รู้เห็นจากเหล่าดาวที่เป็นเพื่อนรักว่าการมีเซ็กส์มันดีแค่ไหน หากแต่ซองมินนั้นกลับไม่รู้สึกถึงมัน เพียงแค่จูบเบาๆกับแขกแต่ละคนที่ซองมินเลือก เพียงแค่นั้นหัวใจดวงน้อยก็บีบรัดตอบปฏิเสธจนไม่อาจมีสัมพันธ์ทางกายกับใครได้...ไม่ว่าจะเลือกผู้ชายที่ดูดีมีชาติตระกูล หล่อเหลาเอาการแค่ไหนซองมินก็ไม่อาจทำใจมีอะไรกับเขาเหล่านั้นได้ลง เหมือนร่างกายมันไม่ยอมรับบงการ...

ราวกับลึกๆในร่างนี้จะรู้ว่าใครกันแน่ที่ซองมินเพรียกหา...อย่างแท้จริง...

สิ่งที่ซองมินคงเรียนรู้มาจากเหล่าดาวแสนสวยผู้เป็นเพื่อนไม่ครบ...ว่าเซ็กส์ที่สุดยอดนั้นมันจะต้องมาจากคนสองคนที่รักกัน ความสัมพันธ์ทางกายที่มันค่อยๆแนบแน่นไปพร้อมกับสายใยทางใจที่เหล่าดาวแสนสวยมีให้กับชายหนุ่มที่เข้ามาติดพัน จนเป็นเหตุให้สถานการณ์ของ X club ตึกแพลตตินั่มตอนนี้มันกำลังสั่นสะเทือน...ในวันหนึ่งที่ซองมินได้เจอกับฟิชชี่ผู้เป็นเพื่อนรัก คำถามที่เปล่งมาจากเพื่อนกำลังทำให้ซองมินนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก...

“......นายคิดจะไปจากแพลตตินั่มมั้ยซองมิน...” สรรพนามที่เปลี่ยนไปของฟิชชี่หรือดงแฮที่เอ่ยถามมานั้นทำเอาซองมินนิ่งอึ้ง ดวงตากลมโตสองคู่ที่มองสบกันอย่างสื่อความหมาย...ความหมายที่ซองมินพอเดาออกว่ามันมีที่มาจากอะไร คำถามที่ซองมินไม่อาจเอ่ยตอบคำ ร่างเล็กนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่ดวงหน้าสวยจะเงยขึ้นสบตาแล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเบาแสนเบา

“...ชั้นไม่ได้มีที่ไปเหมือนพวกนายนี่” เพียงคำตอบเท่านี้ดงแฮก็หลุดหัวเราะบางๆ ใบหน้าสวยหยดของดงแฮส่ายไปมาช้าๆ ก่อนจะกอดอกเอ่ยตอบเสียงใส

“แน่ใจหรือว่าไม่มี...” คำถามเอ่ยย้ำที่ยิ่งพาให้ซองมินเงียบยิ่งกว่าเดิม...ดงแฮไม่คิดจะตอกย้ำความจริงที่ตนเห็น...ความจริงที่ว่ามีผู้ชายตัวสูงหน้าตาดีคนหนึ่งที่มาที่คลับทุกวันเป็นเวลาติดๆกันโดยไม่ได้แสดงออกว่าจะเลือกใครเลยนอกจากบันนี่...ผู้ชายคนที่ดงแฮจำได้เลือนรางจากวันนั้นว่าเป็นคู่กรณีกับซองมินเพื่อนรักของเขา

“.........”

“ชั้นไม่รู้ว่าระหว่างนายกับลูกค้าคนนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น...วันนั้นที่ในห้องชั้น ชั้นเมาด้วยแหล่ะ จำอะไรไม่ได้นอกจากคิบอม” ดงแฮยังคงหัวเราะเบาๆกับความทรงจำที่แล่นริ้ว เรื่องราวในวันนั้นมันไม่ได้จบลงด้วยดีนัก และในตอนนี้มันก็อยู่กึ่งกลางระหว่างทางเลือกระหว่างเขากับลูกค้าคนนั้น แต่การที่เห็นซองมินเป็นแบบนี้เขาเองก็อดที่จะเข้ามาถามเพราะความเป็นห่วงไม่ได้เช่นกัน

“...............”

“...แต่อย่างน้อยเขาก็พิสูจน์แล้วว่าเขาคิดยังไงกับนายนะ ซองมิน...ถึงแม้ว่านายจะยังไม่เห็นค่าของมันนักก็ตาม” ดงแฮยังคงเอ่ยเรื่อยๆกับเพื่อนตัวเล็กที่บัดนี้นั่งนิ่งกับนัยน์ตากลมโตที่เหม่อลอย ท่าทางที่ราวกับถูกเตือนสติแต่ยังไม่อยากยอมรับของซองมินนั้นทำเอาดงแฮอดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ คนสวยจึงเอ่ยสิ่งที่คิดต่อไปโดยที่ปล่อยให้ซองมินนั่งเงียบๆแล้วคิดตามคำพูดของเขา

“ชั้นคงแนะนำได้เท่านี้...และอีกอย่างที่อยากบอกนายไว้นะ...หลายครั้งเหมือนกันที่การทำลายเป็นการสรรค์สร้างอะไรใหม่ๆ...จุดเริ่มต้นที่เลวร้ายมันไม่ได้แปลว่าจะมีจุดจบที่เลวร้ายนี่นา...แหม...ชั้นก็พูดไม่เก่งนักหรอกนะ ฮะๆ” คงเป็นอีกครั้งทีดงแฮเอ่ยคำพูดที่แทงใจดำของซองมินด้วยเสียงหัวเราะน้อยๆ เสียงหัวเราะที่เจือจางด้วยความห่วงใย มิใช่เย้ยหยัน ซองมินที่สะอึกไปนิดเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ สบตากับเพื่อนรักอีกหนราวกับขอคำตอบที่แท้จริงให้มันซึมลึกลงไปในจิตใจ...

“...ดงแฮ”

 ......อะไรที่พลาดไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป มาเริ่มอะไรใหม่ๆดีกว่านะ” สิ้นประโยคที่ดงแฮเอ่ยทิ้งท้ายไว้ให้ซองมินได้คิด ใบหน้าสวยของซองมินนิ่งสนิท ดงแฮผุดลุกขึ้นช้าๆ มองภาพเพื่อนที่ดูจะสับสนเหลือเกิน...แต่ถ้าดงแฮเดาไม่ผิด ในหัวใจดวงน้อยนั้นคงจะเผยคำตอบบางอย่างขึ้นมาแล้ว..

...คำตอบที่ต้องให้เจ้าตัวเท่านั้นตัดสินว่าจะทำตามบัญชาของหัวใจ หรือจะปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตานำพา...

 

“พี่อีทึก...ผมมาขอลาออกจากแพลตตินั่ม...” สิ้นน้ำเสียงหวานที่เอ่ยเรียบๆของซองมิน ดวงตากลมโตจ้องไปยังเบื้องหน้าที่เป็นภาพของรุ่นพี่ผู้ถือเป็นเจ้านายของซองมิน หากแต่คนตัวเล็กก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจ้านายคนสวยผู้ดูแลเขามาหลายปี

“...เหตุผลล่ะ” อีทึกเอ่ยถามด้วยท่าทีสงบ แม้ว่าจะมีคำตอบเก็งไว้อยู่ในใจอยู่แล้วทั้งจากเหล่าดาวที่ทยอยออกไปด้วยเหตุผลและสถานการณ์ที่ต่างกัน ซึ่งสิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือจุดเปลี่ยนในชีวิตที่มีเรื่องหัวใจเป็นใหญ่ สิ่งที่ทำให้อีทึกคิดว่าซองมินก็น่าจะเป็นเหมือนกัน...แต่ทว่าซองมินก็ยังเป็นซองมินของอีทึกคนเดิม บันนี่ผู้ว่าง่ายแต่ดื้อเงียบ และซ่อนเร้นความรู้สึกแอบแฝงในใจได้เก่งที่สุดเท่าที่อีทึกเคยคุมเหล่าดาวทุกคนมา...มันเป็นเพราะเมื่อก่อนเขาบังคับยัดเยียดตัวตนให้ซองมินมากเกินไปหรือเปล่านะ...

“...ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว” คำตอบกำกวมที่อีทึกได้แต่เงียบไป...ที่มาและความคิดของดาวแต่ละคนที่อีทึกคว้าตัวมาช่างลึกลับและซับซ้อนเกินจะพรรณนา

“...ยังไงชั้นก็คงรั้งพวกนายไว้ไม่ได้อีกแล้วสินะ...” ประโยคที่แฝงความหมายอยู่ในทีนั้นทำเอาซองมินยิ้มบาง ขาเรียวเดินตรงเข้าไปหาเจ้านายผู้เป็นรุ่นพี่ของเขา ไม่ทันที่  อีทึกจะตั้งตัว ปลายจมูกโด่งเล็กของซองมินก็กดลงที่ผิวข้างแก้มของอีทึกทันทีท่ามกลางอาการตะลึงนิดๆของเจ้านายคนสวย ซองมินผละออกก่อนจะเดินกลับมาอยู่ตรงหน้าอีทึก เผยรอยยิ้มจริงใจที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัวว่าไม่ได้ยิ้มแบบนี้ในหลายรอบปี

“...ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง...ฮะ...” คำกล่าวขอบคุณจากใจจริงที่ซองมินเอ่ยเป็นครั้งสุดท้าย...ร่างเล็กหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานสุดหรูของอีทึกช้าๆ หากแต่ก่อนที่ร่างเล็กจะลับสายตา อีทึกผู้ซึ่งเอามือกุมแก้มตัวเองแล้วยิ้มจางๆก็นึกอะไรขึ้นได้ ฝ่ามือเรียวรีบควานในลิ้นชักของโต๊ะทำงานสุดหรู เรียกซองมินไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะเดินจากไปไกล

“ซองมิน นายทำไอ้นี่ตกไว้ตั้งแต่วันโชว์ตัวเดือนที่แล้ว พี่ลืมคืนน่ะ” อีทึกรีบผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ ชูสิ่งของสิ่งหนึ่งขึ้นก่อนจะโบกให้ซองมินเห็นมัน ใบหน้าสวยหันมามองก่อนจะชะงักไปนิดเมื่อเห็นได้ชัดเจนว่ามันคืออะไร

...สายสร้อยแพลตตินั่มประดับจี้เพชรสีชมพูของแขกซักคนที่ให้ซองมินในวันนั้น...วันที่ซองมินกระชากมันขาดออกเป็นสอง...ในวันแรกที่ซองมินได้พบกับคยูฮยอน...

“............ไม่ต้องหรอกฮะ ผมยกให้พี่...ไหนๆผมก็ไม่มีใครมาไถ่ตัวออกไปแต่พี่ก็ยังปล่อยให้ผมออกไปง่ายๆ...ผมยกให้พี่อีทึกแล้วกันฮะ...” ซองมินที่นิ่งไปนานเอ่ยตอบเสียงใสในที่สุด ฝ่ามือเล็กยกขึ้นโบกมือลาตบท้าย ก่อนจะหันหลังเดินหนีไปโดยที่ปล่อยให้อีทึกชะงักค้างอยู่เช่นนั้นกับสร้อยสูงค่าในมือ ของราคาแพงที่ใครๆอาจจะรีบตะครุบใส่ในเมื่อต่อไปนี้จะไม่มีเงินทองให้จับจ่ายไม่ขาดมือเหมือนเมื่อก่อนแล้ว...ซองมินรู้ดีว่าการที่เขาทิ้งตำแหน่งดาวแห่งแพลตตินั่มไปมันก็หมายถึงรายได้ที่ต่อไปนี้มันจะขาดหาย แต่ของแค่นั้นมันจะมีค่าอะไรถ้าเทียบกับความรู้สึกของเรา...และเหนืออื่นใดคือซองมินอยากจะละทิ้งทุกอย่างที่เป็นความทรงจำของที่นี่...ทิ้งไว้ตรงนี้...

...แม้ว่าบางสิ่งมันยากที่จะลืมเลือนก็ตาม...

เพียงย่างก้าวแรกที่ก้าวออกจากตึกสูงสุดหรู...ซองมินสูดหายใจเข้าเต็มปอด ดวงตากลมโตสวยซึ้งกระพริบถี่ รับแสงแดดยามเย็นที่มันสาดส่องตกกระทบมุมตึกจนอาบไล้ร่างของซองมินให้อุ่นลึกๆในใจ...สิ่งของในเป้สีดำที่ติดตัวมาเพียงน้อยนิด เสื้อผ้าเรียบๆที่สวมใส่กับหมวกใบน้อยสวมปิดหน้าปิดตาทำให้เหล่าชายหนุ่มที่ค่อยๆเดินเข้าสถานบริการที่มีชื่อว่า X club นั้นไม่ได้เอะใจเลย ว่าร่างอวบน้อยๆในเครื่องแต่งกายสีเข้มที่ยืนอยู่ริมตึกสูงนั้นคือร่างของบันนี่...ดาวแห่งแพลตตินั่มผู้เป็นที่หมายปอง...

ซองมินคลี่ยิ้มเจือจางเมื่อเห็นบรรดาชายหนุ่มไม่ต่ำกว่าสิบคนค่อยๆทยอยกันเข้าไปในตัวตึกสูงนั้น ช่วงขาเรียวที่ซ่อนในกางเกงยีนส์ขายาวทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งเงียบๆที่ตั้งอยู่บริเวณริมซอกตึกที่อับผู้คน พร้อมกับความคิดเรื่อยเปื่อยที่โลดแล่น ทรัพย์สินบางส่วนที่ติดตัวมามันอาจจะพอช่วยซองมินให้หาที่พักดีๆซักที่ๆอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย...ต่อไปนี้เปลือกที่มีชื่อว่าบันนี่มันจะแตกสลายไป เหลือเพียงคนๆหนึ่งที่มีชื่อว่าลีซองมิน...คนเดิม...

ทุกสิ่งที่ซองมินสามารถละทิ้งความทรงจำเกี่ยวกับมันได้...ยกเว้นเรื่องเดียว...เรื่องของผู้ชายคนนั้น...

โจว...คยูฮยอน...

“...โดนทำร้ายแล้วยังเจ็บไม่จำ...แค่เล่นกับดงแฮแค่แปบเดียวเราติดเชื้อมาโซฯมาแล้วหรือไง...ฮึ” ซองมินหัวเราะในลำคอเบาๆกับความทรงจำแล่นริ้ว ความทรงจำที่มันยังคงสดใหม่เสมอสำหรับเขา มันคือคำถามที่ซองมินเลี่ยงจะตอบว่าทำไมหัวใจเขาถึงผูกติดกับคนๆนั้นมากขนาดนี้ ทั้งๆที่มันเป็นความทรงจำที่เลวร้าย ทั้งๆที่คนเก่งอย่างเขาน่าจะทำใจให้ลืมมันซะ...

ทำไมกันนะ...

...เสียงฝีเท้าที่วูบโหวงราวกับดังมาจากที่ๆไกลแสนไกล ช่วงขายาวคู่หนึ่งในชุดสูทสีเทาเข้มเดินก้มหน้าล้วงกระเป๋ามาตามทางเดินช้าๆ เส้นผมสีดำสนิทที่ยาวขึ้นจนปรกหน้าปรกตาค่อยๆเคลื่อนกายมาตามทางเดินด้วยท่าทางเหมือนคนไร้วิญญาณ เพราะความผิดหวังซ้ำๆที่เจอในทุกวันและเพราะการกระทำโง่เง่าของเขาเอง...

ใบหน้าของซองมินหันไปมองยังทิศทางนั้นช้าๆตามเสียงการเคลื่อนไหว ทันใดดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่เดินก้มหน้ามาตามทางเดินและกำลังจะเดินผ่านเขา...เส้นผมที่ยาวปรกหน้าปรกตามันไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ซองมินจำคนตรงหน้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว...ใบหน้าสวยของซองมินชะงักค้าง เมื่อคนที่อยู่ในห้วงคำนึงจู่ๆก็ปรากฏกายตรงหน้าแม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่เห็นเขาก็ตาม ช่วงตัวสูงที่กำลังจะเดินผ่านซองมินที่นั่งอยู่ในซอกริมตึกด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก...ซึ่งมันอาจจะมีเทวดาซักตนเห็นใจ ดลบันดาลให้กลีบปากที่เผยอค้างอยู่น้อยๆของซองมินนั้นค่อยๆเปล่งสรรพเสียงออกมา...เบาแสนเบา...

“...โจว...คยูฮยอน...”

เพียงถ้อยคำสั้นๆแค่นั้นร่างของชายหนุ่มที่กำลังลากเท้าเดินก็ชะงักกึก ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองยังทิศทางของเสียงนั่นช้าๆ...เสียงที่คยูฮยอนจำได้ดีว่ามันเป็นเสียงของใคร ซึ่งทันทีที่หันไป สายตาสองคู่ก็มองสบในจังหวะเดียวกันพอดี...

...ราวกงล้อแห่งโชคชะตาที่ค่อยๆหมุนมาบรรจบกัน...

“...อ่ะ บะ..บันนี่...” คยูฮยอนเบิกตากว้างช้าๆ เปล่งเสียงแหบแห้งราวกับตกตะลึงเมื่อคนที่เขากำลังคิดถึงในทุกห้วงลมหายใจมาปรากฏกายตรงหน้าเช่นกัน สองปฏิกิริยาที่ตรงกันเพียงเพราะได้สบตา จนพายุอารมณ์ทุกอย่างที่มีตีวนหมุนคว้างขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสองร่างที่ชะงักกึกตกตะลึงในการปรากฏตัวของอีกฝ่ายที่ไม่คาดฝัน หากแต่     ซองมินนั้นคงยังมีสติกว่าคยูฮยอนมากนัก เพราะบัดนี้คนตัวเล็กกลืนน้ำลายเหนียวหนืด ลงคอ กัดริมฝีปากแน่นก่อนจะมองทั่วร่างสูงโปร่งของผู้ชายตรงหน้าที่ดูเปลี่ยนไป...

...ปีศาจผู้เคยทำร้ายเขาให้ตายทั้งเป็น...ที่บัดนี้ซูบซีดราวคนที่ถูกกระชากวิญญาณ...ซะเอง...

บันนี่...” คยูฮยอนที่เอ่ยเสียงพร่าในลำคอ ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ การถอยหนีที่ไม่ใช่เพราะรังเกียจเดียดฉันท์แต่เพราะคยูฮยอนนั้นจำฝังใจถึงคำพูดที่ซองมินไล่เขาไปให้ไกล ท่าทางเจ็บปวดรวดร้าวในใจของคยูฮยอนที่ยิ่งเห็นซองมินยิ่งรู้สึกว่าหัวใจมันกำลังถูกบีบ...

นายจะทำแบบนี้ทำไม...ในเมื่อเคยทำร้ายกันขนาดนั้น...แล้วจะทำแบบนี้ทำไม...

แต่สิ่งที่ซองมินก็ตอบตัวเองไม่ได้เช่นกันก็คงเป็นตัวเขาเอง...ตัวเขาเองที่ถูกทำร้ายขนาดนั้น...ในเมื่อถูกทำร้ายขนาดนั้นแล้วทำไมหัวใจของซองมินยังคงติดตรึงอยู่กับเรื่องเดิมๆ...

...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน...

ท่าทางที่ไม่ได้ถอยหนีและผลักไสของซองมินที่ยืนมองสบตาเขานิ่งๆนั้นทำให้ คยูฮยอนที่กำลังจะถอยหนีไปอีกหยุดชะงัก ช่วงขายาวก้าวเข้าไปหาช้าๆด้วยความหวังลึกๆในใจว่าร่างเล็กจะไม่หนีเขา ฝ่ามือสากที่ล้วงกระเป๋าอยู่กำแน่น ก่อนที่หัวใจแสนบอบช้ำนั้นจะรู้สึกฉ่ำชื้นขึ้นมาน้อยๆเหมือนต้นไม้ใกล้ตายที่โดนฝน เมื่อร่างเล็กนั้นไม่ขยับกายหนีไปไหนอย่างที่คยูฮยอนขลาดกลัวจริงๆ จนสุดท้ายร่างสูงก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างเล็กที่ยังคงยืนนิ่งสบตาเขาด้วยแววตากลมโตสั่นระริกที่แฝงไปด้วยความรู้สึกนับพัน

บันนี่...ผม...” คยูฮยอนค่อยๆเปล่งเสียงเรียกอีกฝ่ายสั่นพร่า หากแต่ก็ต้องสะดุดคำพูดไปเพราะซองมินนั้นเอ่นสวนตอบกลับมาเสียงเบาโหวงพอกัน

“...ต่อไปนี้ชั้นคงไม่ได้ใช้ชื่อนั้น...อีกแล้ว...” ...ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบที่ปกคลุมคนทั้งสองเพราะบริเวณนี้เป็นมุมที่อับผู้คน ซองมินเอ่ยเสียงเบาแทรกมาในอากาศ คำกล่าวที่ทำเอาคยูฮยอนชะงักไปก่อนจะเอ่ยถามต่อเสียงสั่นพร่า

“...อะ...อะไรนะ..ครับ...”

“ชั้นไม่ได้ทำงานที่แพลตตินั่มแล้ว...” ซองมินเอ่ยตอบจนจบประโยคก่อนที่คำถามติดๆขัดๆของคยูฮยอนจะเอ่ยจนจบเสียอีก น้ำเสียงที่คยูฮยอนเก็บเอาเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่ายไปฝันร้ายแทบทุกคืน ตอกย้ำความทรงจำที่ตนเองทำร้ายคนที่เพิ่งรู้ว่ารักสุดหัวใจ...

“............งั้นหรือครับ...” ประโยคถัดมาของซองมินที่ราวกับเป็นหนามแหลมเฉือนสายใยบางๆ ที่มีเพียงเส้นเดียวระหว่างเขากับร่างเล็กตรงหน้าให้ขาดสะบั้น สายใยที่มีมันคงขาดไปแล้ว...แพลตตินั่ม...สถานที่ซึ่งเป็นที่มาของโชคชะตาที่เกี่ยวพันระหว่างคนสองคน...มันคงจบลงแล้วจริงๆ...

“.............................”

ความเงียบที่บังเกิดขึ้นระหว่างคนสองคนที่ยืนห่างกันเพียงน้อย แต่หัวใจที่ต่างคนต่างหวาดกลัวความรู้สึกและโชคชะตานั้นมันยิ่งห่างไกลยิ่งกว่า...ไม่นานนักซองมินที่ยืนก้มหน้ากลั้นหยาดน้ำใสที่มันเอ่ออยู่ภายใน ก็เปล่งสรรพเสียงหวานทว่าเศร้าสร้อย เพราะคนตัวเล็กนั้นไม่อาจรับมือกับบรรยากาศแบบนี้ได้อีกแล้ว...บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อึดอัด สับสน วกวนในหัวใจของตนเอง...

อยู่ไม่ได้แล้ว แบบนี้คงต้องหนี...ต้องหนีไปให้ไกลแล้ว

“ไปนะ...”

“เดี๋ยวครับ...” หากแต่ชั่วขณะที่ร่างเล็กจะก้าวเท้าเดินผ่านคยูฮยอนไป สัมผัสของฝ่ามือสากคู่เดิมที่เคยทำร้ายซองมินอย่างเลือดเย็นก็ตรงเข้าคว้าหมับที่ข้อมือบาง สัมผัสหยาบกร้านที่ออกแรงเพียงแผ่วเบาเหมือนกลัวซองมินจะเจ็บ...

“...อ่ะ” ซองมินชะงักไปแต่ก็ไม่ผลักสัมผัสนั้นออก...สัมผัสที่ซองมินรู้สึกได้ว่าถ้าหากเขาสะบัดมันออก ร่างสูงนั้นคงจะปล่อยทันที...และถ้าหากซองมินทำเช่นนั้น ซองมินก็ไม่รู้ว่าเขาจะเสียใจภายหลังหรือไม่ หัวใจที่มันบีบรัดอยู่ภายในราวกับสั่งการให้ซองมินยอมฟังสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าจะพูดดูซักที...

เพราะถ้าหากไม่ใช่ตอนนี้...มันอาจไม่มีครั้งหน้า...อีกแล้ว...

“...ผมรู้คุณไม่อาจให้อภัยผม...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไปผมรู้ว่ามันยากเกินกว่าจะให้อภัย ผมมันโง่งี่เง่า เลวทรามต่ำช้าที่สุด...ผมยอมรับความผิดทุกอย่างแล้ว...จริงๆ...และผมอยากให้คุณรับรู้อะไรไว้ซักอย่างก่อนที่ผมอาจจะไม่มีวาสนาได้เจอคุณอีกแล้ว...” ...คยูฮยอนเอ่ยประโยคที่ติดค้างอยู่ในใจด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า หยาดน้ำใสเริ่มซึมลึกในดวงตาคมกริบที่บัดนี้แดงก่ำ...ไม่ต่างกับคนฟังที่ทุกประโยคของคยูฮยอนนั้นราวกับค่อยๆซึมลึกลงไปในจิตใจ

“........” ซองมินนิ่งเงียบไป หากแต่เป็นความเงียบที่เหมือนคยูฮยอนรู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กไม่ได้ผลักไสเขา...

“.........ผมรักคุณ” คยูฮยอนที่ทนไม่ไหวแล้วกับความรู้สึกบีบรัดในอก เอ่ยบอกถ้อยคำที่มันฝังแน่น ติดตรึงในหัวใจ.......ถ้อยคำที่ทำให้ซองมินยิ่งนิ่งอึ้ง ใบหน้าสวยที่เงยขึ้นน้อยๆมองสบตาคยูฮยอนกลับมาบัดนี้ปรากฏหยาดน้ำใสเม็ดเล็กหยดหนึ่งกลิ้งลงข้างแก้ม ปลายนิ้วสากของคยูฮยอนจึงยกขึ้นปาดเช็ดให้ช้าๆ...ก่อนที่ดวงตาคมที่มีรอยน้ำตื้นเขินจะมองสบตากับดวงตากลมโตคู่นั้น ก่อนจะเอ่ยจนจบประโยคที่เขาอยากบอกให้อีกฝ่ายรับฟัง

“......รัก...คุณคนเดียว...” ภาพของคนตัวเล็กที่นิ่งไปเพราะคำบอกรักของเขา ดวงตากลมโตที่เบิกกว้างมองตรงมากับหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทาง กลีบปากเล็กเผยอน้อยๆแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรซักคำ ผิวแก้มเนียนใสที่บัดนี้ผุดผ่องขึ้นบ้าง ต่างจากตอนนั้น...

...ความสวยงามทุกอย่างของร่างเล็กตรงหน้า...เขาจะเก็บมันไว้ในความทรงจำ...

“...ผมยอมแล้วทุกอย่าง...ผมจะไม่บังอาจร้องขออะไรจากคุณทั้งนั้น...ไม่ขอให้คุณให้อภัย...ไม่รั้งคุณไว้ให้อยู่กับคนเลวๆอย่างผม...แต่ถ้าหากคุณจะกรุณา ผมอยากจะขออะไรคุณอย่างเดียว...อย่างเดียวเท่านั้น...” คยูฮยอนเอ่ยบอกทุกคำในหัวใจเขาจนหมดสิ้น ทุกคำที่เขาไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสบอกกับเจ้าตัว และถ้าหากช่วงเวลานี้มันผ่านไปแล้ว เวลามันจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว

“.........นายจะขออะไร” ซองมินที่กลืนก้อนสะอื้นลงคอรอบแล้วรอบเล่าเอ่ยถามเสียงเบาหวิว ใบหน้าสวยก้มลงมองพื้นดินช้าๆ ไม่รู้แล้วว่าควรจะทำเช่นไรกับคำบอกรักแสนเศร้าจากปีศาจตนนี้...ผู้ชายคนที่ทำลายชีวิตซองมินจนเหมือนตายทั้งเป็น กระทั่งตอนนี้ก็ยังจะมาทำให้หัวใจของซองมินที่ดูจะตายไปแล้วกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง...ทำไมถึงได้ปั่นป่วนชีวิตเขาได้ขนาดนี้...ทำไมกันนะ...

มองตัวตนเขาออก ฆ่าเขาให้ตาย แล้วหวนกลับมาชุบชีวิต...

...ผู้ชายคนนี้

“......ขอรู้ชื่อของคุณ...แค่ชื่อเท่านั้น...เพียงเท่านั้น...” คยูฮยอนเอ่ยตอบเสียงเบา กระชับฝ่ามือเล็กในอุ้งมือเขาช้าๆ แรงกระชับมั่นที่ซองมินเองก็บีบมือตอบรับโดยไม่รู้ตัวจนคยูฮยอนเผลอเผยรอยยิ้มมุมปากจางๆทั้งที่น้ำตากำลังตื้นเขิน...

“...จะรู้...ไปทำไม...” ซองมินยังคงก้มหน้าเอ่ยตอบรับเสียงเบา รู้ตัวดีว่าบัดนี้กำลังบีบมือตอบแต่ก็อายเกินกว่าจะยอมรับว่าตัวเองกำลังใจอ่อนกับคำสารภาพ...คำขอโทษที่มันต่างกันกับตอนนั้น คำขอโทษที่เต็มไปด้วยน้ำหนักมากพอที่จะสั่นไหวหัวใจของซองมินให้อ่อนแอ...

“...ผมรู้ว่าคุณคงไม่อยากเห็นหน้าผมอีกแล้ว...ผมรู้ว่าคุณคงอยากอยู่อย่างสงบสุข อยู่ให้ห่างจากคนเลวๆอย่างผม...ซึ่งผมก็ยอมรับมัน...มันเป็นสิ่งที่ผมสมควรได้รับ...จริงๆ...” คยูฮยอนก้มหน้าเอ่ยต่อด้วยความรู้สึกผิดจากหัวใจ คำพูดที่เขาคิดจริงๆ...เขาไม่ควรมีโอกาสได้เจอร่างเล็ก ไม่ควรแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ...คำพูดที่ออกมาจากใจไม่ใช่เพราะตัดพ้อที่ทำเอาซองมินนิ่งไปอีกหน...

เพราะตัวซองมินเองก็ยังไม่แน่ใจ...ว่าเขาไม่อยากเจอคนตรงหน้านี้อีกแล้ว...จริงๆหรือ...

“แล้วถ้าอย่างนั้นจะอยากรู้ชื่อชั้นไปทำไม...” ซองมินเอ่ยถามต่อเสียงเบา คำถามที่ทำเอาคยูฮยอนหลุดหัวเราะจางๆในลำคอ ชายหนุ่มนิ่งไปนิดก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนหวาน...ที่ทำเอาหัวใจของซองมินโยกคลอนรุนแรง...

“...เพื่อตามหา...”

“...ผมจะรอเวลา...เวลาที่คุณอาจจะพร้อมที่จะให้อภัยผม...ผมจะไปตามหาคุณ...ซักวัน...ซักวันที่ผมได้แต่หวังว่ามันจะมีวันนั้น...วันที่คุณจะเปิดใจให้ผมคนนี้ คนเลวที่ทำร้ายคุณ คนเลวที่ทำความชั่วร้ายกับคุณจนผมเองยังไม่อาจให้อภัยตัวเอง...” อีกครั้งที่ประโยคจากใจของคยูฮยอนทำให้ซองมินนิ่งเหมือนถูกสาป...

“.......”

“กระทั่งตอนนี้ผมก็ไม่กล้าพูดหรอกครับว่าผมหวังให้คุณยกโทษให้ผม...แต่คงเพราะผมเป็นคนแบบนี้ ปากผมมันไม่ค่อยจะตรงกับใจซักเท่าไหร่...ผมพูดว่าผมไม่หวังจะให้คุณให้อภัย แต่จริงๆผมก็หวังอยู่ลึกๆว่าคุณจะให้อภัยผม...เหมือนกัน...” คยูฮยอน     อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขื่นกับสิ่งที่ตนเพิ่งเอ่ยออกไป ฝ่ามือสากข้างหนึ่งที่ไม่ได้กอบกุมมือร่างเล็กไว้ยกขึ้นปิดหน้า...เพราะหยาดน้ำตาที่มันกำลังไหลลงมาช้าๆ...

“....ผมจะรอวันนั้น วันที่ผมจะได้ไล่ตามคุณที่ตัวตนของคุณจริงๆ วันที่คุณไม่ใช่บันนี่ วันที่ผมไม่ใช่ลูกค้าเลวๆคนหนึ่ง......ผมจะรอ...” ฝ่ามือสากของคยูฮยอนค่อยๆผละจากมือนุ่มของซองมินช้าๆ ช่วงตัวสูงที่ถอยห่างออกเพียงน้อย รอคอยคำตอบจนหัวใจสั่นระรัว...

...คำขอร้องที่ราวกับต่างคนต่างรู้...เพียงชื่อจริงของร่างเล็กเท่านั้น...เหมือนต่างคนต่างรู้กันดีว่าถ้าหากซองมินเอ่ยออกไปนั่นคือการที่ซองมินให้โอกาสคนตรงหน้าอีกครั้ง...ให้โอกาสที่ไม่แน่ว่ามันจะเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้...แต่อย่างน้อยมันก็คือการให้โอกาสว่าคนสองคนอาจจะมีสายใยผูกพันที่ถักทอร่วมกัน...อีกครั้ง...

“............” มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เปล่งจากร่างเล็กตรงหน้า...คยูฮยอนที่รอคอยด้วยหัวใจสั่นสะท้านก้มหน้าลงช้าๆกับความเงียบงัน...ความหมดหวังเริ่มตรงเข้าเกาะกุมหัวใจของคยูฮยอน...หากแต่ในชั่วเสี้ยววินาทีถัดมาสรรพเสียงเบาหวิวสั่นสะท้านเสียงหนึ่งก็ดังแทรกมาในอากาศ...

“...ซองมิน...”

“........” คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็วแบบไม่เชื่อหู ดวงตาคมกริบที่    ตื้นเขินด้วยน้ำตากระพริบถี่ราวไม่แน่ใจในสิ่งที่ตนได้ยิน และเสียงเล็กๆตรงหน้านั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง ตอกย้ำคยูฮยอนว่าเขาไม่ได้ฝันไป...

“...ชื่อชั้น...ลี...ซองมิน...” สองสายตาที่มองสบกันช้าๆ ดวงหน้าสวยของซองมิน ทอดมองร่างของผู้ชายตรงหน้าด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย กับภาพของผู้ชายตัวโตคนหนึ่งที่ดื้อรั้นโง่เง่าเอาแต่ใจ ชั่วช้าในสันดานและเลวร้ายมากพอที่จะทำลายชีวิตของซองมินให้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ...

...เขายอมเด็กคนนี้ทำไมทั้งๆที่ใจมันเจ็บเหลือเกิน...

...ยอมมันทำไม...

...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอม...

...ทำไมกันนะ...

“......พูดคำนั้นอีกทีซิ...” ซองมินเอ่ยเสียงเบาหวิว ดวงตากลมโตที่มีน้ำตาไหลลงมาเป็นทางสบตากับดวงตาที่เริ่มแดงก่ำของคยูฮยอนช้าๆ ร่างสูงที่กำลังตกตะลึงกับคำตอบรับของร่างเล็กนั้น บัดนี้ความรู้สึกปะปนไปหมดทั้งความดีใจ ความตื้นตันจนสติของคยูฮยอนนั้นสับสนไปชั่วขณะ ถามตะกุกตะกักตอบ

“...คำไหน...ครับ...”

“.......คำนั้น...คำๆนั้น...” ซองมินที่เบือนหน้าหนีช้าๆไม่ตอบคำ ฝ่ามือเล็กยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าของตนเอง เพียงเท่านี้คยูฮยอนก็กระจ่างชัดในใจว่าร่างเล็กต้องการได้ยินอะไรจากเขา...ไหล่เล็กบางที่ไหวน้อยๆคล้ายคนกำลังสะอื้นของซองมินที่ทำให้    คยูฮยอนทนไม่ไหวกับความรู้สึกที่พรั่งพรูออกมา

“...รัก...” ...วงแขนแกร่งรั้งร่างน้อยให้เข้ามาในอ้อมกอดอย่างแผ่วเบา ทันทีที่   แผ่นอกของซองมินแนบชิดกับร่างสูงผู้มอบสัมผัสตระกองกอดร่างเขาไว้อย่างอ่อนโยน    ฝ่ามือเล็กของซองมินค่อยๆยกขึ้นมากำเสื้อสีเข้มของคยูฮยอนไว้ แรงดึงรั้งแผ่วเบาที่ทำให้     คยูฮยอนหลุดยิ้มทั้งหยาดน้ำตาที่ตื้นเขิน ร่างสูงหลับตาลง ก้มลงเอ่ยกระซิบต่อในถ้อยคำที่เขาอยากบอกเหลือเกิน...

“...รักคุณ...ซองมิน...ผมรักคุณ...รักคุณคนเดียว...” คยูฮยอนกระซิบเสียงสั่นพร่าเพราะแรงสะอื้นภายในที่ข้างใบหูนิ่ม หูยินเสียงสะอื้นฮักของร่างน้อยในอ้อมกอดที่ไม่ตอบเขาเลยแม้ซักคำ แต่เพียงแค่ฝ่ามือเล็กที่รั้งเสื้อเขาแน่นขึ้นๆนั้นมันก็ตอบได้ทุกความหมาย...

“...ถึงแม้มันเริ่มต้นด้วยความดีของคุณ กับความเลวทรามต่ำช้าจนน่าจะฆ่าให้ตายไปซะของผม...แต่ผมก็ยังอยากให้ความรู้สึกของผมกับคุณมันบรรจบกัน...” คยูฮยอนผละร่างน้อยในอ้อมกอดออกมาช้าๆ ฝ่ามือสากเอื้อมจับฝ่ามือเล็กของซองมินมาแนบที่อกข้างซ้าย...ใบหน้าสวยที่สะอื้นฮักตัวสั่นสะท้านเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงเต้นตึกตักของหัวใจใต้แผงอกแกร่ง...

“...ถึงแม้มันจะเริ่มต้นด้วยร่างกาย...แต่ผมอยากให้มันมาจบลง...ที่ตรงนี้...”     ฝ่ามือสากของคยูฮยอนกดเน้นย้ำอีกครั้งจนฝ่ามือของมินแนบแน่นกับแผ่นอกเขา...

...ซ้ำๆย้ำๆที่หัวใจ...

“......ผมได้แต่หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น...ผมจะเฝ้าฝันเฝ้าภาวนา จะรอคอยเวลาให้คุณเปิดใจให้คนเลวๆคนนี้...คนที่รักคุณสุดหัวใจ...” สิ้นน้ำเสียงบอกรักครั้งสุดท้ายที่ คยูฮยอนเอ่ยบอก ฝ่ามือสากปล่อยฝ่ามือเล็กของซองมินออกช้าๆแสนแผ่วเบา อ้อมกอดแกร่งตรงเข้าหามอบอุ่นไอให้ซองมินพักพิงอีกครั้ง ซึ่งคนตัวเล็กที่หยาดน้ำตาเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้านั้นก็ยอมให้คนตัวสูงโอบกอดทั้งตัว...และหัวใจ...

 

...รัก...มันคืออะไร...

...ถ้ารักแท้มันหายากนักก็อย่าได้รักใคร...

...คำพูดที่คยูฮยอนเคยเอ่ยมานานแสนนาน...คำพูดที่เหมือนเป็นตัวการบงการชีวิตทุกอย่างของผู้ชายที่ชื่อโจวคยูฮยอน หากแต่บัดนี้เขารู้แล้วว่าทำไมชีวิตเขาถึงลงเอยเช่นนั้น...มันคือบทเรียนราคาแพงที่คยูฮยอนคงจำมันฝังใจไปชั่วชีวิตกับเรื่องง่ายๆที่ใครๆ  ก็เข้าใจแต่ไม่ใช่เขา...เรื่องง่ายๆที่ว่าหากคุณทำร้ายใครไว้คุณก็จะได้รับผลการกระทำนั้นตอบแทน...และหากคุณต้องการความรักคุณก็จงทำตัวให้เป็นที่รัก...

...ความรักของคุณ เริ่มต้นที่จุดไหน?

...รักแรกพบ รักมองผ่าน รักต้องแย่ง รักแบ่งปัน รักแข่งขัน รักผูกพัน รักเพราะความดี...

...หรือรัก...เพราะร้าย...ใส่กัน...

...หากจะเอ่ยให้ชัดว่าความรักคืออะไร คำตอบที่ได้คงมีเป็นร้อยพัน มันขึ้นอยู่กับว่ามุมมองของคุณมองมันอย่างไร มันขึ้นอยู่กับว่าเราเอาหัวใจของเราไปแลกกับใคร...ลองหลับตาลงซักครั้งให้หัวใจนำทาง...ภาพแรกที่ปรากฏขึ้นมาในห้วงคำนึงของคุณคือใคร ความรู้สึกที่มีมันดื่มด่ำลึกซึ้งเพียงไหน...

เพราะคำว่ารักมันยากที่จะเข้าใจ ถ้าหากไม่เข้าไปสัมผัสมัน...ด้วยตัวเอง...

 

4 ปีให้หลัง...

            “...ซักมือ ไม่เอาซักเครื่อง...” สิ้นเสียงประกาศิตของภรรยาบังเกิดเกล้า...       คยูฮยอนถึงกับเบ้หน้าเมื่อหันไปมองกองเสื้อผ้าเป็นพะเนินในตะกร้ารอการซักรีด ขายาวก้าวไปประชิดตัวอวบๆของคนสวยข้างกายที่ดูจะมีน้ำมีนวลยิ่งกว่าเก่า...แน่ล่ะจะให้ไม่มีได้อย่างไรในเมื่อวันๆซองมินนั้นไม่ต้องหยิบจับทำงานทำการอะไรซักอย่าง แถมยังมีคนคอยเอาอกเอาใจพร้อมอาหารการกินเลิศรสอุดมสมบูรณ์...

            “ซองมินอ่า~” ...หลังจากที่คยูฮยอนใช้ใจซื้อใจซองมินมา 3 ปีเต็มๆ ในที่สุดซองมินก็ใจอ่อนยอมมาอยู่กับคยูฮยอนจนได้ ซึ่งตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาอยู่ร่วมกันที่บ้านหลังใหญ่สุดหรูของคยูฮยอน...ชายหนุ่มผู้เป็นนักธุรกิจไฟแรงยามอยู่นอกบ้านนั้นใครจะรู้ว่าจะกลายสภาพมาเป็นครบทุกอย่าง ตั้งแต่คนสวน คนทำความสะอาด ช่างซ่อมไฟ หรือหน้าที่ๆถูกมอบหมายล่าสุดจากภรรยาคนสวยคือเป็นช่างซักรีด...ทำเอาเหล่าคนงานทั้งบ้านได้แต่มองเจ้านายใหญ่ของบ้านด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจทักท้วงใดๆได้...

          ...เวรกรรมมันมีจริง

            “ไปไกลๆเลยไม่ต้องมาใกล้!!” ซองมินแกล้งสะบัดหน้าใส่ ผลักอกกว้างออกก่อนจะเดินหนีไปไกล แต่ก็ยังมิวายหันกลับไปมองผู้ชายตัวสูงสุดหล่อคนหนึ่งที่อยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนถึงข้อศอก ที่ฝ่ามือมีถุงมือยางสีเขียวสำหรับโดนสารเคมีที่มันไม่ได้เข้ากับกางเกงสูทสีเทาเรียบหรูท่อนล่างเลยซักนิดเดียว ซึ่งก็ทำเอาซองมินหัวเราะกิ๊ก คยูฮยอนได้แต่มองตามตาละห้อย แม้จะเหนื่อยแทบขาดใจกับการที่ทำงานหนักหน่วงมาทั้งวัน    พอกลับบ้านมาปุ๊บยังโดนภรรยาคนสวยโขกสับอีก...แต่คยูฮยอนในตอนนี้นั้นกล้าพูดได้เต็มปากว่าความเหนื่อยของ 3 ปีที่ผ่านมาตอนนี้มันดีกว่าความทุกข์ใจในช่วง 3 สัปดาห์หลังจากที่เขาทำร้ายซองมินไปตอนนั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้จะให้เขาทำอะไรเขาก็ยอมทุกอย่าง...ยอมทุกอย่างแล้วจริงๆ...

          ทำร้ายเขาไว้เยอะ พอมาตอนนี้จะถูกเอาคืนมันก็สาสมแล้วล่ะ

          “อย่าลืมนะ...ซักมือ ถ้าชั้นเห็นว่านายแอบซักเครื่อง โดนแน่!!” ซองมินแกล้งใช้นิ้วชี้ทำท่าปาดคอจนคยูฮยอนสยอง ใบหน้าหล่อเหลารีบผงกหัวรับรัวๆทันทีก่อนจะเดินหูลู่หางตกเหมือนหมาถูกทิ้งกลับไปที่ตำแหน่งเดิมของช่างซักรีดสุดหล่อ หากแต่ก็ต้องรีบหันขวับกลับไปมองยังทิศทางเดิมเมื่อได้ยินเสียงตะโกนกลับมาไล่หลังของภรรยาผู้แสนดี...

            “...คืนนี้ชั้นจะให้รางวัล...ทำตัวดีๆล่ะ ที่รัก คิคิ” เอ่ยเสียงหวานเพียงเท่านั้น ก่อนที่ช่วงตัวอวบอัดในเสื้อผ้าสีอ่อนจะผลุบหายเข้าไปในประตูบานใหญ่ ทิ้งให้ชายหนุ่มผู้เป็นสามีของตัวเองยืนอ้าปากค้างอยู่เช่นนั้น ซึ่งกว่าคยูฮยอนจะรู้สึกตัวก็ร้อนถึงแม่บ้านเก่าแก่ที่ต้องเดินมาเขย่าตัวเจ้านายใหญ่ของตัวเองให้ตื่นเสียที จะได้ไปทำงานที่เจ้านายใหญ่ (กว่า) เค้าสั่งเอาไว้

            “ร้ายนัก...ความน่าหมั่นไส้ไม่ได้ลดลงซักนิด...เฮ้อ แม่กระต่ายตัวแสบ” คยูฮยอนบ่นเบาๆกับตัวเองในขณะที่นั่งลงมือลงแรงกับกองผ้าอยู่เช่นนั้น โดยมีบรรดาแม่บ้านเฝ้าเป็นกำลังใจและคอยแนะนำอยู่ไม่ห่าง หลังจากผ่านประกาศิตคุณนายใหญ่ประจำบ้านแล้วว่ามีคนมาแนะนำได้ แต่ห้ามช่วยงานคยูฮยอนโดยเด็ดขาด และถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะหัดทำงานบ้านตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผู้ชายแท้ๆอย่างคยูฮยอนก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างให้พังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งท่าทางเปิ่นๆเวลาทำงานที่ไม่ถนัดของคยูฮยอนนั้นมันคงจะถูกใจซองมินอยู่ไม่น้อยถึงได้ชอบสั่งนู่นสั่งนี่ให้ทำตลอด ซึ่งคยูฮยอนก็ไม่คิดจะขัด มากสุดก็เข้าไปออดอ้อนออเซาะให้คนสวยเห็นใจ ซึ่งบางทีก็ได้รับการผ่อนปรนบ้าง แต่บางทีก็ไม่ได้นั่นล่ะ

            ซองมินที่บัดนี้เดินหนีสามีตัวเองเข้าไปในบ้าน ทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาใหญ่กลางห้องโถงสุดหรู วงแขนนุ่มอุ่นคว้าหมอนอิงใบใหญ่มากอด ซุกหน้าถูไถกับหมอนใบนั้นไปมาช้าๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจยาวเหยียดอย่างผ่อนคลาย ดวงตากลมโตทอดมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว รู้ดีกว่าใครว่าทุกวันนี้ตัวเองได้รับความรักความเอาใจใส่มากมายแค่ไหน มันก็คงอย่างที่ดงแฮเคยบอกเขาไว้ที่ว่ามันอาจจะไม่ได้เริ่มต้นด้วยดี แต่ผลลัพธ์มันอาจจะดีก็เป็นได้...และตอนนี้ชีวิตซองมินก็เป็นเช่นนั้น ความเจ็บปวด ความแค้นเคืองที่เคยมีนั้นค่อยๆสลายไปตามกาลเวลา แน่นอนว่าจะให้ลืมมันเป็นไปไม่ได้ แต่ซองมินถือว่ามันก็เป็นความทรงจำสำคัญระหว่างเขากับคยูฮยอน...ความทรงจำที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันลงเอยด้วยดีแบบนี้...

          ชั้นให้อภัยนายตั้งนานแล้วล่ะ แต่ขอแกล้งหน่อยเถอะ คิคิ

          “อ่า...วันนี้จะให้รางวัลอะไรดีน้า~คิคิ” หัวสมองของคนน่ารักที่บทจะสวยก็สวยหยาดเยิ้มเอาเรื่องแล่นเร็วจี๋ไปมา ก่อนที่ใบหน้าสวยจะผุดรอยยิ้มยวนยั่วมุมปาก คนสวยตัวอวบผุดลุกขึ้นช้าๆก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านหลังใหญ่โต เพื่อเตรียมของบางอย่างที่จู่ๆซองมินก็คิดถึงมัน หลังจากที่ไม่ได้เล่นมานาน...

          อา...ถ้ามันช่วยเพิ่มความร้อนแรงซักนิดมันก็คง...ดี คิคิ~

            เวลาย่ำค่ำที่คืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซองมินหลุดขำพรืดเมื่อเห็นสภาพซอมบี้คยูฮยอนเดินมึนๆเข้ามาในบ้าน ใบหน้าหล่อเหลาที่มีหยดน้ำพราวอยู่บริเวณคางกับ    คอเสื้อ ทั้งเสื้อเชิ้ตสีดำที่เปียกซ่กไปทั่วบริเวณหน้าท้องแกร่งจนเนื้อผ้าเรียบลู่ไปกับตัวและกางเกงสูทสีเทา ภาพที่มันคงจะดูเป็นผู้ชายสุดฮอทเซ็กส์ซี่เอาเรื่องถ้าไม่มีถุงมือยางสีเขียวเปียกน้ำนั่นแปะอยู่ที่ฝ่ามือสากทั้งสองข้าง กับสีหน้าเหนื่อยสุดจิตของคยูฮยอน...

            โถ...น่าสงสารจริง คิคิ~ 

            “มานี่ม่ะ...” ซองมินที่ทั้งสงสารทั้งขำกวักมือเรียกชายหนุ่มผู้เป็นสามีของตัวเอง ซึ่งคนสวยก็ยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นอาการหูตั้งหางกระดิกพรึ่บพรั่บของคยูฮยอน ชายหนุ่มรีบถอดถุงมือยางหนักๆนั่นทิ้ง แล้วแทบจะถลามาหาภรรยาที่ส่ายหน้าหัวเราะอยู่บนโซฟากว้าง ร่างสูงจัดการวางหัวตัวเองนอนหนุนตักนุ่มๆ ตวัดขาขึ้นนอนเหยียดยาวบนโซฟากว้างอย่างรวดเร็วจนเจ้าของตักยังงง ซองมินอดไม่ได้ที่จะผลักหัวทุยนั่นออกน้อยๆอย่างหมั่นไส้ แต่สีหน้าที่ดูออกได้ง่ายๆว่าเหนื่อยล้าแค่ไหนทำให้ได้แต่ลูบเส้นผมสีดำสนิทของคยูฮยอนอยู่เช่นนั้น...สัมผัสบางเบาของฝ่ามือเล็กที่ลูบช้าๆมันเพลินจนชายหนุ่มแทบหลับคาตักเมีย ใบหน้าหล่อเหลาซุกซบลงกับเนินหน้าท้องนิ่มๆอย่างสบายอารมณ์...      ซึ่งคยูฮยอนคงได้หลับยาวไปเลย ถ้าหากเขาไม่ได้ยินเสียงประหลาดดังที่ครืดคราดออกมาขัดจังหวะนิทราเสียก่อน...

            “โอ๊ยยยย!! ลุกเลย!!! ป้าซูอึนฮะผมหิวแล้วอ่า~” ซองมินที่หน้าแดงแปร๊ด รีบผลักหัวสามีตัวเองออกจนคยูฮยอนเกือบคอเคล็ด แล้วลุกพรวดพราดขึ้นเอ่ยเรียกคุณป้าแม่บ้านแก้เขินก่อนจะตรงดิ่งไปห้องอาหารทันที ปล่อยให้คยูฮยอนผุดลุกขึ้นนั่งเกาหัวตัวเองแกรกๆหัวเราะเบาๆอยู่เช่นนั้นในความน่ารักของซองมิน เสียงท้องร้องที่เป็นหลักฐานมัดตัวว่าคนตัวเล็กหิวแค่ไหน ทั้งๆที่มีแม่บ้านเตรียมสำรับไว้ให้แล้วแต่ก็คงจะรอกินพร้อมเขาสินะ แล้วแบบนี้จะไม่ให้รักมากขึ้นทุกๆวันได้ยังไงกัน

          ความรู้สึกเล็กๆน้อยๆของซองมิน ที่คยูฮยอนเก็บทุกรายละเอียดอย่างลึกซึ้งแล้วบันทึกเข้าไปในความทรงจำ...

            “...อ้วนขึ้นอีกแล้วเมียเรา ฮะๆๆ” คยูฮยอนผุดลุกขึ้นยืนช้าๆเหวี่ยงแขนไปมาเพื่อคลายความเมื่อยขบ ร่างสูงบ่นกับตัวเองเบาๆถึงสิ่งที่เขารู้สึกได้จากเมื่อครู่ ตอนนอนตักแล้วเขาหมุนตัวซุกหน้าเข้าหาเนินหน้าท้องนิ่มๆนั่น แทบจะรู้สึกได้เลยว่าหนั่นเนื้อมันอวบอิ่มนุ่มอุ่นมากกว่าเดิม เขาเลี้ยงดีเกินไปล่ะมั้งนี่ ฮึๆ...

            “ไม่อ้วนก็แปลก...แต่ก็นะ...” คยูฮยอนผุดรอยยิ้มจางๆ ช่วงขายาวเดินตรงไปหาภรรยาที่บัดนี้คงจะนั่งซัดอาหารแก้เขินเขาอยู่ที่โต๊ะแน่ๆ ความคิดซึ่งโลดแล่นในหัวที่     คยูฮยอนบอกได้เลยว่าเขาจะปล่อยให้ซองมินอ้วนซะให้พอ เพราะยังไงชีวิตต่อจากนี้ไปเขาจะไม่ให้คนตัวเล็กต้องเจอกับความลำบาก ความเจ็บปวด ความเสียใจ ทุกความรู้สึกที่ย่ำแย่เขาจะไม่ให้ซองมินได้เจอมันอีกแล้ว...

            ...เขาได้สิ่งที่มีค่าที่สุดของซองมินมา ถึงแม้ว่าตอนนั้นเจ้าตัวจะไม่เต็มใจก็ตามเถอะ...แต่ต่อจากนี้ไปเขาจะทะนุถนอมร่างนี้ให้มากที่สุด...

            ...คนสวยคนนี้ที่เป็นครึ่งหนึ่งของหัวใจเขา...

            “ยิ้มอะไร ประสาท...” ตลอดมื้ออาหารที่ซองมินแหวใส่คยูฮยอนอยู่อย่างนั้นเพราะเขินที่ร่างกายตัวเองมันดันประท้วง ท้องร้องครวญครางใส่หูสามีซะดังลั่น คยูฮยอนเองก็แกล้งทำหน้าเหรอหราทำนองว่าผมเปล่า ซึ่งมันยิ่งทำให้ซองมินรู้สึกหมั่นไส้ยิ่งกว่าเดิมเสียอีก...

            เออเดี๋ยวจะเอาคืนให้อึ้งเลยคอยดูเหอะ!!

            กว่าจะเสร็จสิ้นมื้ออาหารที่เถียงกันด้วยสายตากับคำพูดจิกกัดของคนสวยไปเสียหลายยก ซองมินยิ้มหวานเอ่ยขอบคุณคุณป้าแม่บ้านซึ่งก็ยิ้มตอบรับด้วยความเอ็นดู ทันทีที่คล้อยหลังคุณป้าแม่บ้านผู้ใจดี ซองมินหันไปเหล่คยูฮยอนที่ยืนทำหน้าหล่ออยู่ข้างกายด้วยความหมั่นไส้ ร่างเล็กจึงเขย่งเท้าขึ้นไปดึงหูทั้งสองข้างเหมือนท่าทางเมียเวลาจับได้ว่าผัวมีกิ๊กเสียจนคยูฮยอนร้องโอดโอยใหญ่

            “สม!!!” ขึ้นเสียงใส่เสียหนึ่งทีแล้วผละมือออก ซองมินเบะปากนิดๆเมื่อเห็นว่าผู้ชายข้างกายยังคงส่งยิ้มหล่อแบบไม่สะทกสะท้านเหมือนเก่า คนสวยส่ายหัวด้วยความเอือมระอาก่อนจะเดินเลี่ยงร่างสูงไปอีกทาง หากแต่คยูฮยอนนั้นกับคว้าข้อมือบางของซองมินไว้ได้เสียก่อน

            “อะไร!!!” ซองมินเท้าเอวขึ้นเสียงใส่เหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กอีกรอบ ซึ่งมันก็ตามมุขเดิมที่คยูฮยอนจะแกล้งทำหน้าแหยเหมือนกลัวนักหนา...แหงล่ะ อยู่ด้วยกันมาก็เกือบปี รวมเวลาที่ง้อด้วยก็ 3 ปีเต็มๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนิสัยยังไง พูดจาแบบไหน ตั้งรับส่งคำพูดกันยังไง ซึ่งถ้าจะว่ากันตรงๆแล้วโดยธรรมชาตินั้นซองมินยังไม่ร้ายกาจเท่าคยูฮยอนหรอก...แต่ที่กำชัยชนะได้ในทุกทีที่เถียงหรือเปิดศึกใส่กันนั้นคยูฮยอนเป็นฝ่ายยอมอ่อนข้อเองต่างหาก...

            เพราะอยากจะรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้...

          ...สัญญาที่เขาบอกว่าเขายอมแล้วทุกอย่าง...

            ...เขาก็ยอมคนสวยจริงๆนั่นล่ะ ยกเว้นบางเรื่องล่ะนะ ฮึๆ

            “...รางวัลผมล่ะ งืออออ” คยูฮยอนปล่อยข้อมือบางออกก่อนจะเอามือไปข่วนๆต้นแขนอวบอัดของซองมินเหมือนลูกหมาอ้อนขนม...ส่งเสียงครางครืดคราดในลำคอออดอ้อนคำที่คยูฮยอนรู้ดีว่าคนสวยจะใจอ่อนกับท่าทางเหมือนหมาถูกทิ้งแบบนี้ คำแทนตัวที่ซองมินแขวะคยูฮยอนจนชินและยอมรับไปโดยปริยายว่าคยูฮยอนน่ะเหมือนหมาตัวใหญ่ๆที่ซองมินเลี้ยงเอาไว้ข้างตัว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินยอมที่จะมีเจ้านายแสนสวยคนนี้ ถึงเวลาดีๆเขาก็แปลงร่างจากหมามาเป็นลูกหมาให้ซองมินใจอ่อนเล่นๆ เช่นตอนนี้นี่ล่ะ...

            ซองมินที่ใจอ่อนยวบกับท่าทางนั้นเบะปากด้วยความหมั่นไส้ เงยหน้าจ้องตา  คยูฮยอนกลับชั่วครู่ ก่อนจะเผยรอยยิ้มเจือจาง เรียวปากอิ่มสีชมพูเผยอน้อยๆแลบลิ้นช้าๆขณะที่สบตากันอยู่เช่นนั้น ทำเอาคยูฮยอนใจเต้นตึกตักขึ้นมาทันที

            “ไม่ลืมหรอกน่า...แต่นายจะกล้าหรือเปล่าเถอะ...” ซองมินถอยห่างออกไปเล็กน้อย ทอดสายตามองทั่วร่างของคยูฮยอนหัวจรดเท้าราวหยั่งเชิงคู่ต่อสู้ แต่แล้วสายตาที่มองไล่บนลงล่าง ล่างขึ้นบนก็มีอันต้องสะดุดที่จุดกึ่งกลางลำตัวภายใต้กางเกงสูทสีเทาที่คนสวยดูออกว่าบัดนี้มันกำลังมีปฏิกิริยาน้อยๆ จากเส้นสายของเงาที่ตกกระทบบนเนื้อผ้า ซองมินถึงกับหลุดหัวเราะบางๆ รู้สึกดีไม่น้อยที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกได้มากขนาดนี้ทั้งๆที่แค่แลบลิ้นเลียปากโชว์เท่านั้น...แสดงว่าทักษะการยั่วยวนแบบไร้เดียงสาที่เคยฝึกฝนตนเองมาตั้งแต่ตอนอยู่ที่แพลตตินั่มมันยังไม่จางหาย...

          และคนสวยก็ทยอยเอาทักษะพวกนั้นออกมาใช้ยั่วสามีให้อารมณ์แตกกระเจิงมาหลายยกแล้วด้วย

            “ไม่กล้าก็ไม่ใช่ผมแล้วล่ะ...” คยูฮยอนเอ่ยตอบเสียงทุ้มต่ำพร่าในลำคอ ฝ่ามือสากตวัดเอวนุ่มๆของภรรยาให้เข้ามาใกล้ ประชิดใบหน้าหล่อเหลาเข้าหาใบหน้าสวยที่ขึ้นสีเรื่อน้อยๆแสนน่ารักน่าชัง ซองมินผลักใบหน้าของคยูฮยอนออกน้อยๆอย่างหมั่นไส้ หากแต่ก่อนที่ทั้งคู่จะพ่อแง่แม่งอนกันกลางห้องโถงของบ้าน เสียงจานชามพลาสติกหล่นดังแคร๊งในห้องครัวที่อยู่ถัดไปก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อนจนทั้งสองคนสะดุ้งโหยงผละออกจากกันแทบไม่ทัน ก่อนจะตามมาด้วยใบหน้ายิ้มแห้งๆของเหล่าแม่บ้านที่พากันโผล่หัวออกมาจากห้องครัว รีบเอ่ยขอโทษเจ้านายทั้งสองเป็นการใหญ่ที่ขัดจังหวะ ทำเอาซองมินเขินหน้าแดงรีบผลักคยูฮยอนออก แล้วจ้ำพรวดๆขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านทันที

            “ไม่ครับ ไม่ๆ ไม่เป็นไร” คยูฮยอนเอ่ยตอบรับอาการโค้งปะหลกๆขอโทษขอโพยของเหล่าแม่บ้านด้วยใบหน้ายิ้มๆ แล้วฝากฝังเสียดิบดีว่าไม่ต้องมีใครขึ้นไปยุ่มย่ามข้างบน จนกว่าจะสายๆของอีกวัน เหล่าแม่บ้านที่พยักหน้ารับอย่างพร้อมเพรียงด้วยรอยยิ้มปลาบปลื้มที่คุณชายใหญ่นั้นมีความเป็นสุภาพบุรุษและอ่อนโยนขึ้นมากมายเหลือเกินตั้งแต่มีคุณนายใหญ่เข้ามาในชีวิต เพราะถ้าหากเป็นเมื่อก่อนล่ะก็คงได้โดนตวาดต่อว่ากันบ้างที่ทำเสียงดังรบกวน ผู้ชายเอาแต่ใจที่ไม่คิดถึงหัวจิตหัวใจคนอื่นมันได้หายไปแล้วเพราะมีคนก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตสินะ

            คยูฮยอนเดินล้วงกระเป๋าฮัมเพลงขึ้นไปยังบริเวณชั้นสองของบ้านหลังใหญ่อย่างมีความสุข ฉับพลันปลายจมูกโด่งก็ได้กลิ่นประหลาดบางอย่างที่เขาไม่ได้ลิ้มรสมันในรอบหลายปี ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อแน่ใจแล้วว่ามันคือกลิ่นอะไร เอาล่ะสิ...ภรรยาคนสวยของเขาเล่นซนอะไรอีกล่ะนี่

            “ไง...มาแล้วเหรอ...” ไม่ต้องสงสัยนานเมื่อคยูฮยอนเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนกว้างขวางของตน พลันประสาทสัมผัสก็ปะทะกับกลิ่นหอมหวานขื่นในคอและควันสีขาวลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว เสียงหวานยวนยั่วที่เอ่ยทะลุกลุ่มควันมาจากร่างที่นอนเหยียดยาวพิงหัวเตียงใหญ่ ซองมินบิดกายน้อยๆผุดลุกขึ้นตรงมาหาคยูฮยอนที่ยืนอึ้งอยู่ตรงประตูทางเข้าพร้อมกับบุหรี่อันน้อยในฝ่ามือเล็ก ภาพที่ทำเอาคยูฮยอนนั้นเบิกตาโตเมื่อเห็นชัดเจนแล้วว่าภรรยาคนสวยนั้นอยู่ในสภาพไหน...

            ร่างน้อยอวบอิ่มที่อยู่ในสภาพชุดคลุมอาบน้ำสีขาวครีมมัดปมหลวมๆ กับปรอยผมเปียกน้ำจางๆ ในฝ่ามือเล็กมีมวนบุหรี่สีขาวอันน้อยซึ่งคงเป็นที่มาของกลิ่นหอมหวานขื่นๆและควันสีขาวขุ่นที่ลอยละล่องทั่วห้องในตอนนี้ ดวงตากลมโตฉ่ำหวานทอดมองใบหน้าของผู้ชายตรงหน้าตรงๆแล้วเผยรอยยิ้มยวนยั่ว...

            สภาพที่คยูฮยอนเดาได้ว่าใต้ผ้าคลุมผืนนั้นมันคงจะไม่มีสิ่งใดกีดขวาง ชายหนุ่มกลืนน้ำลายดังเอื๊อก และเหมือนคยูฮยอนเองก็ไม่รู้ตัวว่าวงแขนของเขาตรงเข้าสอดรวบเอวนุ่มของอีกฝ่ายให้เข้ามาหาแล้วอย่างรวดเร็ว ซึ่งซองมินก็หัวเราะน้อยๆไม่ได้ขัดขืนอันใด

            จะขัดขืนทำไม ก็ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้นี่...คิคิ

            “อ่า~ ใจร้อนจัง...นี่ คยู...” ซองมินจรดปลายนิ้วสูบรสชาติจากบุหรี่อันน้อยหนึ่งเฮือกก่อนจะนำมันไปจรดที่กลีบปากได้รูปของอีกฝ่ายบ้าง คยูฮยอนหลับตาลง สูดกลิ่นหอมหวานปนขื่นจางๆจากบุหรี่ที่ร่างเล็กยื่นให้ รสชาติที่มันดูจะทวีความหวานขึ้นเยอะแต่คงเพราะเรียวปากอิ่มที่จรดมันลงไปก่อนมากกว่า...

            รสชาติจูบทางอ้อมแบบผู้ใหญ่...ที่มันยวนยั่ว...เสียเหลือเกิน...

            “คิดยังไงขึ้นมาถึงสูบครับหืมม์...” คยูฮยอนที่คว้ามวนบุหรี่นั้นมาขยี้เข้ากับผนังอย่างไม่นึกสนใจอะไรนักเอ่ยถามเสียงพร่า ซองมินเองก็ยิ้มรับน้อยๆไม่ได้ขัดเคืองอะไรที่ร่างสูงทำเช่นนั้น ขยี้ทิ้งซะได้ก็ดีเหมือนกัน เพราะต่อจากนี้ไปมันคงเกะกะน่าดู ฮึๆ

            “แค่คิดถึงอะไรนิดหน่อย...” ซองมินกระซิบตอบก่อนจะรวบวงแขนเข้ากับต้นคอของคยูฮยอน ยืดตัวขึ้นไปจูบเบาๆที่กลีบปากได้รูปนั้น ลมหายใจที่หอบสั่นน้อยๆปะปนรสชาติที่ซองมินโปรดปรานทำเอาคนตัวเล็กอดไม่ได้ที่จะจูบที่กลีบปากนั้นซ้ำๆ หนักเบาผ่อนปรน...ทำเอาคยูฮยอนกำหมัดแน่นข้างตัวระบายอารมณ์ที่มันกำลังพุ่งสูง อากัปกิริยาที่ซองมินรับรู้ได้และหัวเราะในใจกับท่าทางนั้น ช่างน่ารักจริงๆ

            ซองมินรู้ดีว่าคยูฮยอนนั้นเข็ดหลาบกับอารมณ์ร้อนงี่เง่าของตนเองแค่ไหน สิ่งที่ส่งผลให้ทุกวันนี้ชายหนุ่มนั้นกลายเป็นคนที่ระงับอารมณ์ได้ดีเยี่ยมไปโดยปริยาย คงจะเข็ดจากเขานี่ล่ะ ขนาดตอนนี้ที่ยั่วซะจนลูกชายของคยูฮยอนตื่นตัวจนชนกับหน้าท้องของเขาแล้วเจ้าตัวก็ยังไม่รุกไล่ ซึ่งมันก็เป็นท่าทางที่น่าแกล้งเอามากๆสำหรับซองมิน...

            น่าสนุกมากๆ คิคิ

            “นี่...ชั้นขออะไรหน่อยสิ...” น้ำเสียงหวานเอ่ยออดอ้อนอยู่ริมหู ทำเอาคยูฮยอนแทบแดดิ้นตาย ฝ่ามือสากยกขึ้นลูบไล้เบาๆที่บั้นเอวนิ่มระเรื่อยไปถึงสะโพกอิ่ม รู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้แก่นกายตัวเองมันตั้งชันร้อนผ่าวจนปะทะกับเนื้อตัวอีกฝ่ายแล้ว จินตนาการที่มันยิ่งเพริดไปไกลเมื่อเห็นสาบเสื้อคลุมอาบน้ำเผยออกน้อยๆในจังหวะที่ร่างเล็กขยับตัว ใต้ผิวผ้านั้นมีนวลเนื้อที่เปล่าเปลือยซ่อนตัวอยู่จริงๆเสียด้วย

            “ครับ...ผมยอมทุกอย่าง...” คยูฮยอนเอ่ยเสียงพร่า คำตอบว่าง่ายทำซองมินยิ้มพราย เนื้อตัวอวบอัดผละออกจากวงแขนกว้างก่อนจะจูงมือร่างสูงให้เดินมาที่เตียง ชั่วขณะที่คยูฮยอนรู้สึกตาพร่าเมามายเพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่มันปะทะร่างเขา ทั้งกลิ่นหอมประหลาด ฤทธิ์ยาบางอย่างที่ซึมเข้าสมอง เพียงเฮือกแรกที่สูบเขาไปคยูฮยอนก็รู้สึกได้ว่ามันมวนไส้บางอย่างเอาไว้...แต่สิ่งที่มอมเมาคยูฮยอนได้มากที่สุดคือกลิ่นกายและสัมผัสนุ่มอุ่นของร่างเล็กตรงหน้านี้ต่างหาก...

          ...มันช่างเย้ายวนเกินต้านทาน...

            “...อ่า มานี่สิ...” คนตัวเล็กตบฟูกนิ่มข้างตัวปุๆซึ่งคยูฮยอนก็รีบนั่งลงตามบัญชาทันที ฝ่ามือเล็กลูบเบาๆที่ปอยผมข้างแก้มสีดำสนิทของคยูฮยอนด้วยรอยยิ้มเอ็นดู รู้ดีว่าผู้ชายคนนี้รักเขายิ่งกว่าใคร รู้ดีว่าเขาได้รับการทะนุถนอมมากมาย...

            แต่บางทีคนเรามันก็อยากเจอรสชาติใหม่ๆบ้าง

            “...ผมยินดีทำตามที่คุณขอทุกอย่าง...” คยูฮยอนเอียงคอเข้าหารับสัมผัสเหมือนลูกหมาตัวน้อยอ้อนเจ้านายที่กำลังลูบหัวตัวเอง...คำตอบรับที่ทำให้รอยยิ้มเอ็นดูของซองมินนั้นค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มมุมปากแฝงความหมายบางสิ่ง กลีบปากอิ่มจึงค่อยๆเผยถ้อยคำ ขอที่ตนคิดไว้ทันที

            “...ลองข่มขืนชั้นสิ..คยูฮยอน...” สิ้นน้ำเสียงหวานเอ่ยสั่งอยู่ในที คยูฮยอนเบิกตากว้างเงยหน้าขึ้นมองหน้าของเจ้านายคนสวยที่นั่งอยู่ข้างกายแทบไม่ทัน ท่าทางเหมือนไม่เชื่อหูของคยูฮยอนทำเอาซองมินยักไหล่ตอบรับยิ้มๆก่อนจะเอ่ยต่อเหมือนกำลังพูดเรื่องทั่วไปอย่างดินฟ้าอากาศ แตกต่างจากชายหนุ่มคนฟังที่บัดนี้อ้าปากค้างไปแล้ว

            “...เค้าเรียกว่าความฝันแฟนตาซี...มันมีผลการวิจัยรองรับแล้วนะว่ามันต้องมีซักครั้งในชีวิต ที่คนเราฝันว่าโดนข่มขืนน่ะ...อ้อ...ฝันว่าโดนข่มขืนนะ ไม่ใช่อยากโดน ข่มขืนจริงๆ...” พอเอ่ยจบคนสวยก็หรี่ตามองคนนั่งข้างๆ ซึ่งทำเอาคยูฮยอนสะดุ้งโหยงเพราะมีชนักติดหลัง...ก็กับเรื่องนี้นี่ล่ะ กว่าเขาจะคว้าคนที่เป็นที่สุดของหัวใจคนนี้มาได้ถึงต้องใช้เวลาตั้งสี่ปี แล้วนี่เมียเขามามุขไหนนี่ถึงจู่ๆจะอยากโดนทำอะไรแบบนี้ขึ้นมา หรือว่ามีแผนแก้เผ็ดแกล้งอะไรเขาอีก...

          แค่คิดก็สยองแล้ว

            “วะ ว่าไง..นะครับ...” คยูฮยอนเอ่ยตะกุกตะกักตอบแม้ว่าจะได้ยินคำขอนั้นแล้วเต็มหู ร่างเล็กส่ายหน้าไปมาน้อยๆ หรี่ตาจ้องหน้าสามีเขม็งเหมือนคนโดนขัดใจ แล้วไอ้เรื่องที่ขัดนี่มันก็...

            “ไม่รู้ล่ะ...ขอแค่นี้ทำไม่ได้หรือไง!!” ซองมินแกล้งสะบัดหน้าหนีขึ้นเสียงใส่ ทำเอาคยูฮยอนลนลานหนักกว่าเก่า อารมณ์ตอนนี้มันจะเรียกว่ายังไงดี เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอกับการมีคนมาบอกให้ ข่มขืนหน่อย ตอนนั้นมันไม่นับเพราะความอยากกับความเลวในสันดานมันครอบงำ แต่ตอนนี้นี่เขาควรจะรับมือกับสถานการณ์นี้แบบไหนล่ะเนี่ย!!

            “มัน มันไม่ดีนะครับ...อะ เอ่อ มัน...” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างลนลาน ซึ่งก็ต้องหุบปากไปสนิทเมื่อเห็นสีหน้าที่สื่อชัดเจนว่า จะทำไม่ทำ ถ้าไม่ทำนายก็ผิดสัญญา!!ของภรรยาคนสวย ฝ่ามือสากเริ่มมีเหงื่อซึมไปทั่ว กลืนน้ำลายดังเอื๊อกอย่างไม่แน่ใจนัก ภาพ คยูฮยอนที่เงอะๆงะๆกับคำขอนั้นทำเอาคนสวยหัวเราะดังลั่นอย่างมีความสุขในใจ

          มันบอกได้ว่าคยูฮยอนรักเขามากแค่ไหน...จริงๆ...

            ...แต่ตอนนี้ขอเล่นสนุกก่อนเถอะ คึคึ

            “อ่า เอ่อ...งั้นผมขออนุญาตนะครับ...” คำพูดต่อมาของคยูฮยอนที่ทำเอา       ซองมินกลั้นขำจนแทบตกเตียงกับท่าทางสุดเปิ่นนี้ ผู้ชายตรงหน้านี้มันใช่คนเดียวกันกับปีศาจที่ข่มขืนซองมินจนไม่มีชิ้นดีเมื่อตอนนั้นจริงรึเปล่านี่

            “มาสิ รออยู่...” ซองมินแกล้งบอกเสียงเรียบนิ่งทั้งๆที่ในใจกำลังหัวเราะแทบตาย ฝ่ามือสากที่ตรงเข้ามารวบเอวเล็กเข้าหา ยังสัมผัสที่อ่อนโยนปนกล้าๆกลัวๆจนซองมินขำ คงจะตั้งใจทำแบบยั้งๆสิท่า...

            “...คิก...ชั้นอยากทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว...” ซองมินที่หัวเราะในใจจนทนไม่ไหวแล้วดึงแขนคยูฮยอนพรวดเดียวจนร่างสูงนั่นล้มหงายหลังนอนแผ่บนที่นอน ช่วงตัวอวบอิ่มตรงขึ้นคร่อมร่างสูงใหญ่นั้นทันทีทันใด ยังอาการเบิกตาโตกว้างเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ของคยูฮยอน ร่างสูงอ้าปากค้างเติ่งก่อนจะหลุดเสียงครางซี๊ดเมื่อร่างเล็กแกล้งกดสะโพก  ถูไถบริเวณแก่นกายร้อนที่ดุนดันกางเกงขึ้นมาจนโป่งนูน สาบเสื้อคลุมที่สะบัดกว้างคร่อมทับร่างคยูฮยอนไว้ แต่สัมผัสของเนื้อแนบเนื้อผ้าที่คยูฮยอนสวมอยู่นั้นมันช่างชัดเจนว่าร่างเล็กไม่ได้สวมอะไรไว้ที่ท่อนล่างเลย...

            “อะ ซองมิน คุณ อื้อ อึก” คยูฮยอนครางเสียงต่ำในลำคอเมื่อฝ่ามือเล็กตรงเข้าจัดการปลดเข็มขัดหนังเนื้อนิ่ม รูดซิบแล้วดึงรั้งเอวมันออกอย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีถัดมาร่างสูงก็เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีดำตัวเดียวที่ยังติดกายอยู่ ไม่ต่างกับร่างเล็กที่คร่อมทับ และสาบเสื้อคลุมนั้นปมก็ค่อยๆคลายออกจนเผยผิวเนื้อนวลขึ้นทุกทีๆ

            “ก็นายไม่ยอม ข่มขืน ชั้นซักที...งั้นเดี๋ยวชั้นข่มขืน นายเอง...คิคิ~” ร่างเล็กขยับกายขึ้นไปหา ก้มลงกระซิบข้างหูชายหนุ่มที่บัดนี้ส่ายหน้าน้อยๆรับอาการแก่นเซี้ยวของภรรยาคนสวย ฝ่ามือสากเลื่อนไปที่เอวนุ่มๆนั้นบ้าง จัดการกระตุกปมผ้าจนส่งผลให้ชุดคลุมอาบน้ำที่จะหลุดแหล่มิหลุดแหล่นั้นเผยตัวออกจากกันเสียที ซองมินสะดุ้งไปนิดเมื่อจู่ๆคนที่ทำท่าว่าจะไม่รุกไล่กลับตีตื้น ฝ่ามือเล็กรีบตะครุบเสื้อคลุมเข้าหากัน หากแต่    คยูฮยอนนั้นอาศัยจังหวะนี้จัดการรวบเอวเล็ก พลิกกายคร่อมทับให้ซองมินไปอยู่ใต้ร่างเขาอย่างรวดเร็ว...เออ มันต้องแบบนี้สิถึงจะเข้าท่าหน่อย...

          ร้ายนักแม่กระต่ายตัวดี เดี๋ยวเถอะ ฮึๆ

            “...ผมไม่อยาก ข่มขืน คุณหรอกครับ อย่างที่ผมบอกไว้...แต่ถ้าคุณจะ ข่มขืน ผมก่อน ผมจะถือว่ามันเป็นการป้องกันตัว...” คยูฮยอนก้มลงไปกระซิบข้างหูซองมินที่บัดนี้เบะปากอย่างหมั่นไส้ แม้ว่าจะถูกพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นรองแต่คนตัวเล็กก็ไม่ได้นึกเจ็บใจอะไรนัก เพราะยังไงมันก็เป็นความตั้งใจของซองมินอยู่แล้วที่อยากให้รางวัลสามี  สุดหล่อเสียหน่อย โทษฐานที่ทำตัวน่ารักและแสนดีเกินไป...

          ไม่ได้อยากได้คนเลว...แต่ถ้าดีเกินไป บันนี่ ก็เบื่อนะ คิคิ~

            “...รักนายนะคยูฮยอน...โจวคยูฮยอนของชั้น...” หากแต่ก่อนที่กลีบปากได้รูปของคยูฮยอนจะก้มลงไปบดจูบให้คนแก่นเซี้ยวละลายคาอก...ริมฝีปากอิ่มเต็มของซองมินก็เอื้อนเอ่ยถ้อยคำบอกรักแผ่วหวาน ทำเอาร่างสูงนั้นชะงักไปนิดก่อนจะเผยรอยยิ้มอบอุ่นตอบรับกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่เต้นรับคำบอกรักแสนหวานและจริงใจ...

            คำบอกรักที่เน้นยำชื่อจริงที่ทั้งสองคนต่างรู้กันดี...ชื่อที่เป็นตัวแทนของตัวตนพวกเขาสองคนนั้น มันคือการเปิดใจ...เหมือนคำสัญญาที่ไม่ต้องพูดกันอย่างชัดเจน...เหมือนตอนนั้น...คราที่ซองมินยอมบอกชื่อจริงของตัวเองให้คยูฮยอนรับรู้ เหมือนเป็นการเปิดเผยตัวตนผ่านเปลือก ผ่านมรสุมร้อยพัน อุปสรรคมากมายที่คยูฮยอนฟันฝ่า...จนสุดท้ายสองหัวใจก็ได้เคียงกันอีกครั้ง...

            “ผมก็รักคุณ....รักคนเดียว...รักมาก...รักที่สุดคือคนนี้...ลีซองมิน...” ดวงตาคมฉายแววอ่อนโยนแว่วหวาน เอ่ยตอบรับสบตากับดวงตากลมโตใต้ร่างด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความสุข...

            สิ่งมีค่ามากที่สุดในชีวิต...ที่แลกมาด้วยหยาดน้ำตา ความทุกข์ ความเจ็บปวด...สิ่งที่คยูฮยอนสาบานกับตัวเองว่าเขาจะรักษาความสุขนี้ไว้ จะให้ความรักความเข้าใจ     จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับคนๆนี้ตลอดชั่วชีวิต...

            ...ขอแค่นี้...เพียงแค่นี้เท่านั้น แค่คนๆเดียวที่อยู่ข้างกัน...ตลอดไป...

END # รัก

 เนื่องจากบ้านหลักไม่มีแล้ว (โดนพี่เว็บเด็กดีสั่งเก็บไปแล้ว = =') ถ้าใครอยากคอมเมนท์หรือติเตียนอะไร ทิ้งข้อความไว้ได้ที่บทความตอนจบของเซ็กซ์เดลิเวอร์รี่แล้วกันค่ะ

ลิงค์นี่นะคะ ^^ http://writer.dek-d.com/gcml/story/viewlongc.php?id=826095&chapter=17
มีอะไรติดต่อทวิตเตอร์ได้จ้า :) https://twitter.com/myclairified

 ขอบคุณค่ะ :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น